1 ปี ในอินเดีย ระหว่างทางที่ความทรงจำถูกบันทึกผ่านภาพถ่าย

 |  ศิลปะ ผัสสะ และสุนทรียภาพ
ผู้เข้าชม : 1400

1 ปี ในอินเดีย ระหว่างทางที่ความทรงจำถูกบันทึกผ่านภาพถ่าย

           หลังจบการอบรม Shutter stories: เล่าภาพย่านเก่าในความทรงจำผ่านเลนส์มานุษยวิทยา ณ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่ทางศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรจัดขึ้น เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้และถ่ายทอดออกมาผ่านงานชิ้นนี้ คิดว่าการอบรมครั้งนี้เปลี่ยนมุมมองที่ผมมีต่อกระบวนการถ่ายภาพในบางขั้นตอน

           การถ่ายภาพคือกระบวนการที่มากกว่าการบันทึกเหตุการณ์ หรือความสวยงามที่ปรากฏตรงหน้า แต่คือการทำงานทางความคิดและความรู้สึกของผู้ถ่ายต่อสิ่งที่พวกเขาพาตัวเองไปสัมผัส คุณค่าของภาพถ่ายจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่คอมโพซิชั่นหรือความคมชัดเพียงอย่างเดียว แต่คุณค่าของภาพถ่ายหนึ่งใบอาจปรากฏผ่านเรื่องราว ความทรงจำและความรู้สึกที่รับรู้ ราวกับว่าภาพที่ดีคือภาพที่สามารถปลดปล่อยกระบวนการคิดของผู้ดูได้อย่างไร้ขีดจำกัด

           ผมหยิบอัลบั้มรูปในสมัยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอินเดียเมื่อปี 2022 กลับมาทำงานกับมันอีกครั้ง เพื่อให้ภาพชุดนี้ แทนความทรงจำของตัวผมที่มีต่อประเทศอินเดียในแบบที่ผมมอง
 


 

           เด็กนักเรียนที่กำลังโดยสารรถโรงเรียนกลับบ้านในช่วงเย็น ภาพใบนี้ทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลาเย็นของทุกวัน ผมจะโดยสารรถเมล์ในเมืองปูเน่มาลงที่ปากทางเข้าหอพัก โดยระหว่างทางเดิน 1 กิโลเมตรจากปากทางสู่หอพัก ผมจะพบเจอกับผู้คนที่รู้จัก รวมทั้งเด็กนักเรียนที่วิ่งเล่นกันอยู่ทั่วทุกหัวมุมถนน
 


           ระหว่างทางเดินจากหอพักไปป้ายรถเมล์มีร้านซ่อมเสื้อผ้าที่ผมนำกางเกงยีนไปซ่อมกระเป๋าที่ขาดแห่งหนึ่ง วันนั้นฝนดันตกลงมาพอดี เจ้าของร้านชวนผมให้เข้าไปหลบฝนในขณะที่เป็นช่วงเวลาที่ลูกจ้างอีกคนกำลังพักกินข้าว เขาชวนผมให้นั่งกินข้าวด้วยกันบนแผ่นลังกระดาษ มื้อกลางวันวันนั้นของผมประกอบไปด้วยจาปาตี แกงหัวหอม และผัดผัก อันที่จริงมีฝรั่งทอดกรอบที่ไว้กินคู่กับจาปาตีที่เข้ากันอย่างเหลือเชื่อ
 


           สมาชิกครอบครัวของชีวาณีในเทศกาล Diwali พวกเขามักเชิญชวนผมให้ได้ไปเข้าร่วมเทศกาลอยู่บ่อยครั้งทั้ง Ganesh Chaturthi, Diwali, Holi ครอบครัวชีวาณีประกอบไปด้วยจันทกานพ่อของชีวาณี เขามักจะเดินเท้าเปล่าจากบ้านไปที่วัด Kanifnath Temple Singapur ที่อยู่บนภูเขาระยะห่างจากบ้าน 30 กิโลเมตรทุกสัปดาห์ มังคลาแม่ของชีวาณีที่มักจะทำกับข้าวให้ผมกินทุกครั้ง ซายาลีน้องสาวของชีวาณี เธอเป็นมือกลองที่เรียนจบปริญญาโทและทำงานอยู่ในธนาคาร และซานเวสน้องชายของชีวาณีหนุ่มร่าเริง พูดเก่ง เจ้าสำอาง
 


           กันชาคือพ่อครัวชาวเนปาลที่ทำข้าวผัดไก่ให้ผมกินแทบทุกเย็น ความทรงจำส่วนใหญ่ของผมกับอินเดียมักอยู่ที่เมืองปูเน่ ภาพที่ถ่ายขึ้นในเมืองปูเน่ส่วนใหญ่ อยู่บนช่วงเวลาชีวิตประจำวันในวันธรรมดาของผม
 


           เธอเป็นแม่บ้านอยู่ในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ผมไปเรียนที่เมืองปูเน่ เธอมักมาพร้อมใบหน้าที่เศร้าหมอง ในขณะที่บางเวลาก็สบตากับผมพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร หากผู้ชายอินเดียเป็นเพศที่เอาแต่ใจและชอบบงการ ผู้หญิงอินเดียก็คงเป็นเพศที่เก็บอารมณ์และความรู้สึกมากมายไว้ข้างใน
 


           เพื่อนในโรงเรียนส่วนใหญ่ของผมเป็นชาวมุสลิมที่มาจากตะวันออกกลางและแอฟริกา สำหรับพวกเขาประเทศอินเดียคือใบเบิกทางการศึกษา ในช่วงพักกลางวันพวกเขาจะกอดคอผมและบอกให้มาละหมาดด้วยกัน ทั้งๆ ที่ผมนับถือศาสนาพุทธ ก่อนที่พวกเขาจะพาผมไปกิน Beef Kabuli ที่ร้าน Aslam Biryani House และทุก ๆ บ่ายของวันศุกร์ พวกเขาจะพาผมไปละหมาดที่มัสยิดพร้อมกับบอกว่าเมื่อไหร่ผมจะมาเป็นอิสลามด้วยกันกับพวกเขา
 


           ผมเดินทางจากเมืองปูเน่ด้วยรถไฟข้ามคืนไปยังเมืองชัยปุระ การนั่งรถไฟครั้งแรกให้ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว จนกระทั่งค่ำคืนแรกผ่านไปรถไฟแล่นเข้าสู่รัฐราชาสถาน กลุ่มหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามนอนเหยียดขาอ่านหนังสือ ผมหยิบกล้องคอมแพคขึ้นมาถ่ายรูปนี้ พร้อมมองไปรอบ ๆ และเห็นกิจวัตรของคนอินเดียในโบกี้เดียวกัน ราวกับว่าพวกเขากำลังผ่อนคลายอยู่บนชายหาด
 


           ภาพใบนี้ถ่ายที่สถานีรถไฟเมืองชัยปุระ ขณะที่ผมกำลังถ่ายรูปอยู่บริเวณชานชาลา ชายคนดังกล่าวเดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทีไม่พอใจ พร้อมไล่ให้ผมเดินออกไปไกล ๆ จากตรงนี้ ผมทำท่าทีไม่พอใจเขา ก่อนที่เขาจะกางมือขึ้นมาและทำท่าจะเอามือเข้ามาขย้ำใบหน้าผม
 


           ที่เมืองจันดิการ์ รัฐปัญจาบ ผมโบกรถริกชอร์เพื่อจะเดินทางไป Rock Gargen มันเป็นวันเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีอินเดีย Droupadi Murmu มาเยือนเมืองจันดิการ์ ถนนหลายสายถูกปิดพร้อมทหารที่ยืนถือปืนทั่วเมือง ชายคนขับมาส่งผมที่ด้านหลังของสวนแต่ก็พบว่าสวนปิดไม่ให้เข้า ชายขับริกชอร์เริ่มโวยวายให้ผมจ่ายค่าโดยสาร ในขณะที่ผมก็ยืนกรานว่าเขาไม่ได้มาส่งผมที่จุดหมาย จนคนอินเดียคนอื่น ๆ ต้องเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ผมต้องจ่ายเงินให้เขาเป็นค่ารถทั้งขาไปและขากลับเข้าเมือง ผมหงุดหงิดไปตลอดทาง จนกระทั่งรถจอดติดไฟแดง คนขับริกชอร์หันมาหาผมและบอกว่า แวะกินชากันหน่อยไหมผมเลี้ยงคุณเอง
 


           ในขณะที่ผมกำลังเดินหารองเท้าเดินป่า ณ เมืองมะนาลี รัฐหิมาจัลประเทศ ผมเจอเข้ากับร้านขายรองเท้ามือสองของชาวซิกซ์คนนี้ เขาหยิบรองเท้าเดินป่าคู่หนึ่งมาเสนอผมราคา 700 รูปี ราว ๆ 350 บาท ผมลองใส่และพบว่ามันเข้ากับเท้าผมพอดี จึงขอต่อราคาเหลือ 400 รูปี ชายชราไล่ตะเพิดผมออกจากร้านด้วยความโกรธ พร้อมบอกว่าราคานี้เชือกรองเท้ากูก็ไม่ขายให้มึง จนสุดท้ายผมก็เดินกลับไปซื้อรองเท้าคู่ดังกล่าวพร้อมขอถ่ายรูปเขาไว้
 


           ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนกลับมาประเทศไทย โกป้าเพื่อนที่เรียนอยู่ที่เมืองปูเน่ด้วยกัน ชวนผมไปพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชนบท Rajanda ในเมือง Akola รัฐมหาราษฏระทางตอนกลางของอินเดีย มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ญาติของเขาแต่งงาน จึงทำให้ญาติของ โกป้าต่างกลับมาร่วมงานแต่ง ในภาพคือน้อง ๆ ของโกป้า คนที่ผมสนิทด้วยที่สุดเห็นจะเป็นซามู เด็กชายเสื้อแดงผู้ตั้งคำถามต่อทุกอย่างรอบตัวเขา เขามีความฝันอยากเรียนให้สูง ๆ จะได้ไปทำงานอยู่ที่อังกฤษเหมือนกับลุงของเขา


ผู้เขียน
ณฐาภพ สังเกตุ
ผู้เข้าร่วมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ Shutter Stories: เล่าภาพย่านเก่าในความทรงจำผ่านเลนส์มานุษยวิทยา ปี 2567


 

ป้ายกำกับ อินเดีย ความทรงจำ ภาพถ่าย ณฐาภพ สังเกต

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Share
Facebook Messenger Icon คลิกที่นี่เพื่อสนทนา