ต่อเนื่องจากโครงการประกวดหนังสั้นทักษะวัฒนธรรมสำหรับเยาวชน “ขัดกันฉันมิตร” ปีที่ 1 (2560) เยาวชนได้มีโอกาสทำความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม สำรวจอคติ และภาพเหมารวมที่ส่งผลต่อ ทัศนคติในเชิงลบและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อคนที่แตกต่าง รวมทั้งเรียนรู้ผลกระทบของสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่นับถือศาสนาต่างกัน ทำให้เปลี่ยนมุมมอง หรือทัศนะด้านลบบางอย่างที่เคยมี และเสริมทักษะให้เยาวชนทั้งด้านทักษะวัฒนธรรมและด้านการสื่อสารสาธารณะ มีส่วนร่วมในการสื่อสารมุมมองของเยาวชนต่อสาธารณะในประเด็นทักษะวัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกับความขัดแย้งในภาคใต้ ผ่านกระบวนการการทำหนังสั้น ซึ่งโครงการประกวดฯ ในปีที่ 2 นี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคี ได้แก่ ศูนย์ข่าวสารสันติภาพ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สหภาพยุโรป (EU) ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS)
วิดีโอเรื่องนี้เป็นการสัมภาษณ์ชนพื้นเมืองที่เรียกว่า Yanomami พวกเขามีคำถามย้อนไปเมื่อปี 1968 ที่ขณะนั้น Napoleon Chagnon และ James Neel ได้เข้ามาในเวเนซุเอลาและบราซิลเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดพวกเขาไปทำวิจัย วิดีโอนำเสนอให้เห็นถึงการเอาตัวอย่างเลือดของ Yanomami ไปกับสิทธิมนุษยชนของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ รวมทั้งจริยธรรมในการวิจัยทางการแพทย์ที่ทำด้วย ในขณะที่ได้ชาวพื้นเมืองก็เรียกร้องที่ให้นำตัวอย่างเลือดของพวกเขากลับมา ด้วย
In this video you see interviews with some of the Yanomami people. They are asking back their blood taken in 1968 by Napoleon Chagnon and James Neel in an expedition to Venezuela and Brazil. The video aims to make those working with the Yanomami blood samples think about the rights of the indigenous people and the ethics in medical research while hearing from them that they do want the blood back.
DAO Yaodong เด็กหนุ่มกลุ่มชาติพันธุ์ Huayao Dai (Thai) อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจังหวัด Xinping ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีนมีชีวิตอยู่กับสังคมที่ได้รับอิทธิพลจากโทรทัศน์ ภาพยนตร์จากแผ่นดีวีดีและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆที่เข้ามากับคนงานโรงงาน น้ำตาลที่อยู่ใกล้เคียง ชีวิตของเขาก้าวเข้าไปรับอิทธิพลของสิ่งเหล่านั้นรวมทั้งชีวิตความเป็นเมือง รูปลักษณ์ใหม่ เช่นการสวมแว่นกันแดดใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนัง ซึ่งมาจากอิทธิพลของภาพยนตร์ที่เขาดู แต่ในขณะที่ผู้สูงอายุก็พยายามต่อสู้เอาสิ่งเก่าๆคืนมา Dao ซึ่งมีฉายาคือ Mr. Cool ก็เจริญรอยตามพี่ชายของเขาที่ไปทำงานในเมือง โดยละทิ้งชีวิตเกษตรกรและย้ายไปอยู่ในเมือง จากการเก็บข้อมูลโดยการสังเกตและการสัมภาษณ์ พบว่าสังคมได้รับผลกระทบจากความทันสมัยและสื่อที่เข้ามาคุกคามวิถีความเป็น อยู่ของหมู่บ้านเป็นอย่างมาก
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลักพาตัวเจ้าสาว, ประเพณีการแต่งงานโบราณในคีร์กีซสถาน, อดีตสาธารณรัฐสหภาพโซเวียตตั้งอยู่ในเอเชียกลาง เมื่อคนคีร์กีซตัดสินใจที่จะแต่งงานเขามักจะติดตามตัวผู้หญิงที่เขาเลือก โดยฝ่ายชายและเพื่อน ๆ จะเช่ารถและฉุดตัวฝ่ายหญิงและพาเธอไปยังบ้านของครอบครัวของเจ้าบ่าว และจะเชิญญาติของฝ่ายหญิงมาเจรจา ถามไถ่ว่าฝ่ายหญิงจะยอมรับหรือไม่ และเธอจะตกลงที่จะแต่งงานกับฝ่ายชายหรือไม่ สมัยก่อนมักจะตกลงกันได้และแต่งงานกันบางคู่ก็มีชีวิตที่ดี แต่บางคู่ก็มีปัญหา ในปัจจุบันการกระทำอย่างนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิสตรีอย่างมาก ติดตามเรื่องราวได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
วิดีโอเรื่องนี้นำเสนอชีวิตและความเป็นอยู่ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและศาสนา ของชาวพุทธในประเทศภูฏาน จำนวน 6 ประเพณีด้วยกันคือ 1 Lhabon (Trongsa) พิธีทางศาสนาจำนวนสามวัน โดยเชื่อว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่หมู่บ้านวิลเลจได้แก่ความสมบูรณ์ของ วัว ผลผลิตจากการเพาะปลูกที่ดี, ฤดูกาลและสุขภาพที่ดี 2 Jachung Michung (Bumthang) ประเพณีเต้นรำหน้ากากจัดทุกๆ 2 ปีเพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และนำสิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต 3 Hungla (Trashiyantse) พิธีทางศาสนาจัดสามวันเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากโรคภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ 4 Karphu (Zhemgang) พิธีทางศาสนาจำนวนสามวันเพื่อนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีกับคน สัตว์และผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ 5 Tang Rabney (Bumthang) พิธีทางศาสนาประจำปีจัดจำนวนสามวันเพื่อเฉลิมฉลองรากฐานของ Namkha Ihakhang และนำความเจริญรุ่งเรืองสู่หมู่บ้าน 6 Aoley Laya (Gasa) พิธีเฉลิมฉลองประจำปีเป็นเวลาสามวันเพื่อเป็นการระลึกถึงการมาของ Shabdrung Rinpoche ถึง laya จากทิเบต
Celso and cora เป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของครอบครัววัยรุ่นที่มีบุตรด้วยกัน 2 คน อาศัยอยู่ในย่านชุมชนแออัดกลางกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ ทั้ง Cora และ Celso หาเลี้ยงชีพด้วยการขายบุหรี่ตามย่านโรงแรมและสถานบันเทิงในยามค่ำคืน การบันทึกเรื่องราวของบุคลทั้ง 2 นี้ ติดตามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลา 3 เดือน พบการดิ้นรนของชีวิตความเป็นอยู่ในเรื่องของการทำมาหากิน เช่นการห้ามขาย ชีวิตครอบที่มีการกระทบกระทั่งกันจากความกดดันในชีวิตประจำวัน การต่อสู้กับความยากจนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวและบุตรทั้ง 2 คน โดยที่ไม่รู้อนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินเดียโดยนำเสนอผ่าน เรื่องราวของ Diya ซึ่งเป็นเครื่องปั้นดินเผาสำหรับใส่น้ำมันและจุดไฟในเทศกาลเกี่ยวกับไฟของ อินเดีย เริ่มต้นที่ครอบครัวของช่างปั้น จนไปสู่ตลาดการค้าที่นำ Diya ไปขาย จนไปสู่การนำเอาไปใช้จริงในเทศกาลเฉลิมฉลอง ซึ่งทั้งหมดเป็นวิถีชีวิตประจำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมานานหมุนเปลี่ยน เวียนไป สุดท้ายภาพยนตร์ก็มาจบลงที่ครอบครัวของช่างปั้นเมื่อทุกอย่างผ่านไปวิถี ชีวิตก็กลับมาสู่แบบเดิมต่อไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเกี่ยวกับพิธีการแต่งงานของชาวอินโดนีเซียทาง สุมาตราตะวันออก ภาพยนตร์นำเสนอตั้งแต่การเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ก่อนงานแต่งจะเริ่มขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมตัวของเจ้าสาวซึ่งมีขั้นตอนค่อนข้างมาก และพิธีการของงานแต่งงานทั้งหมด
This film records the preparations for the wedding of two sisters in eastern Sumatra in December 1996. There is an emphasis on the importance of the role of women in the village. Ritual exchanges of textiles and cakes, and a series of purification rituals are shown.
กลุ่มชาติพันธุ์ Na เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศจีนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบสูงเทือกเขา หิมาลัย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อ หลังจากที่ไม่มีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนามาเป็นเวลานาน ผู้ที่ทำพิธีกรรมเรียกว่า Daba ปัจจุบันยังมีชายชราชื่อ Dafa Luzo ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของขายชราคนนี้และพิธีกรรมที่เกิดขึ้นให้ เห็น
After more than a quarter of a century without any form of religious ceremony, the Na, an ethnic group living on the Himalayan plateau, began openly practising their religion again in the early 1990s. Their priests are called daba. Among the few old shamans who are still living today, Dafa Luzo is the most remarkable. As the main character in the film, we see him looking after his farm and his family, as well as performing rituals to expel all unclean spirits and demons and honour his ancestors. His main worry, and his greatest hope, is to make sure his knowledge is safely handed down to the next generation.
ภาพยนตร์เรื่อง Powaqqatsi เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ยึดติดกับการดำเนินเรื่องในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ใช้วิธีเรียงร้อยทั้งภาพ เป็นข้อความ เป็นผู้คน และวัฒนธรรม ที่สามารถกระตุ้นความรู้สึกและเกิดการตีความได้จากผู้ชมเป็นอย่างดี และโดยเฉพาะการนำเสนอภาพของความกล้าหาญ ความตั้งใจ ความไม่ยอมแพ้ของผู้คนที่กำลังเสียเปรียบ จากหลายที่หลายแห่ง และหลายๆประเทศ
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นแถบพื้นที่ของรัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งพื้นที่ยังคงเป็นหนองบึงขนาดใหญ่ เต็็มไปสัตว์ป่าต่างๆ โดยเฉพาะจระเข้ เจ้าหนุ่มน้อยเคจันดำรงชีวิตกับครอบครัวในพื้นที่นี้และอาศัยการล่าสัตว์ เพื่อดำรงชีวิต ต่อมามีบริษัทขุดเจาะน้ำมันเข้ามาดำเนินกิจการ ซึ่งได้สร้างความแปลกตาแก่เจ้าหนุ่มน้อยอย่างมาก แต่เขาก็ต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์ต่อไปแม้พื้นที่จะเปลี่ยนแปลงไป ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนวกึ่งสารคดีซึ่งชวนให้ติดตามเป็นอย่างมาก
A young Cajun boy named Alexander Napolean Ulysses Latour (Joseph Boudreaux) spends his time on a Louisiana bayou. There he plays, fishes and hunts, worrying only about the alligators which infest its waters. The boy's innocent routine changes forever when his father (Lionel Le Blanc) signs a lease agreement with an oil company which brings a derrick into their corner of the bayou.