“โมเยอโฏนตา”
[1]
อุณหภูมิเมษายน
หฤโหดจนหนาวเสียดกระดูก
หยาดน้ำที่ชุ่มใบหน้า
มิอาจช่วยให้มือที่ลูบปาดแห้งกร้านน้อยลง
หยดเหงื่อและน้ำตา
ท่วมตัวโทรมกายไร้ฤดูกาล
กดปุ่มเบอร์สามก่อนทิ้งทอดกาย
ในระดับความเย็นที่เท่ากับเบอร์หนึ่ง
ใบพัดไร้ตะแกรงส่ายหน้าโครงเครงไปมาวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง
เชื่องช้าสวนทางกับค่าไฟ
โลกของบางใครร้อนเกินกว่าจะใช้ชีวิต
“โมเยอพลึงโกนเจา ...”
ฝ้ายขาวในมือของหญิงชรา
ผูกแขนรับขวัญแขกในบ้านของตัวเอง
[2]
ฝนห่าแรก
ปลุกกลิ่นไอดินต้นฤดูฟุ้งสู่หัวใจ
หอมกลิ่นของชีวิต
ข้างจานข้าวหอมมะลิหุงร้อนๆ
หญิงชรามือสั่นเทา
ประคองวางแจ่วปลาร้าและยอดผักริมรั้ว
ปีนี้โคเสี่ยงทายกินน้ำ หญ้า เหล้า
เด็กสาวตอบคำถามยาย
ความหวังของชาวนา
อยู่กับนัยน์ตาของพระโค
[3]
ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6
เครื่องเซ่นไหว้ถูกนำมารวมกันทั้งหมู่บ้าน
บั้งไฟก้านมะพร้าวเปลี่ยนลานริมหนองน้ำเป็นสนามเด็กเล่น
ศาลปู่ตาใต้ร่มไทรใหญ่
กลิ่นธูป กลิ่นน้ำมนต์เคล้าคละฟะฟุ้ง
ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวในหัวใจเด็ก ๆ
“โมเยอโฏนตา”
แม่เฒ่าเรียกผีปู่ย่ามารับเครื่องเซ่นไหว้
ผู้เฒ่าพรมน้ำมนต์จากขันในมือ
ควันธูปลอยอ้อยอิ่งผ่านลำแสงเช้าที่โรยสายลงมาผ่านต้นไทร
“โมเยอโฏนตา
ออยโกนเจาเจียลออ โมรอซีออยจะแอดเด้อ”
นั่งก้มพนมไหว้กันเต็มลาน
เสียงอื้ออึงต่างกล่าวเชิญ
“โมเยอโฏนตา .. .โมเยอโฎน ... โมเยอ ...”
ความหวังไม่ซ้ำข้อ
คำร้องขอไม่ซ้ำความ
ควันธูปไม่ทันดับ
ผู้เฒ่าลาเครื่องเซ่นไหว้
ในเวลาเสี่ยงทาย
ไก่ต้มทั้งตัวถูกส่งกลับหาเจ้าของ
คอไก่ถูกดึงขาดอย่างว่องไว
คำพยากรณ์ซ่อนไว้ในมือ
[4]
บั้งไฟเล็กริมหนองน้ำพุ่งทะยาน
เด็กสาวท้ายหมู่บ้านวิ่งมาไม่ทันกลิ่นธูปควันเทียน
การเสี่ยงทายคางไก่เหลือเพียงความเงียบงัน
งอกลับ หักลง สวนทิศทางอย่างไม่เคยเห็น
คนรอฟังใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
ผู้เฒ่าผู้แก่ส่งต่อกันไป
คนแล้วคนเล่า
ใบหน้าชราเข้มขรึมปนวิตกยกมือไหว้ท่วมหัว
คำบอกกล่าวของผู้เฒ่า
ปู่ตาไม่รับไก่ตัวนี้
จงไปนำไก่ตัวใหม่มาเซ่นไหว้อีกหน
ก่อนพ้นฤกษ์ยาม
[5]
“โมเยอโฏนตา ...”
เซ่นไหว้จนอิ่มหนำ ให้ข้าวในนาออกรวงดีมีราคา
นานนับหลายปี
หญิงชราบางคนมีเพียงคำขอเดียวซ้ำ ๆ
ค่อย ๆ ลูบหัวไก่ตัวเชื่องของบ้าน
[6]
ไม่มีรถไถนาเดินตาม
มีแต่ชาวนาเดินตามรถแทร็กเตอร์
ผืนดินรอบข้างเริ่มงอกงามเขียวขจี
ยังไม่มีวี่แววการหว่านไถของแปลงปลายนา
คิวของคนรอนั้น
ยาวนานทบทวี
ฝนห่าสองห่าสามพร่างพรมลงมาตามฤดูกาล
กบเขียดร้องระงมส่งสัญญาณแห่งความหวัง
รีบไถไปไหนเล่า
เห็ดเผาะกิโลละสี่ร้อย
ข้าวหมดนากิโลละสิบบาท
ชาวนาแปลงข้าง ๆ เสียงดังทักท้วง
[7]
บนขบวนรถไฟชั้นสามที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองหลวง
เด็กสาวหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า ตะกร้า และถุงข้าวสาร
สร้อยทองสองบาทมรดกเส้นสุดท้าย
หญิงชราควักออกมาพร้อมกับฝ้ายผูกแขน
จากสถานี สู่สถานี
ฝ้ายสีขาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาเปียกชื้น
หยาดน้ำตาหลั่งไหลไม่เลือกฤดู
ในนาไม่มีข้าว
ในเล้าไม่มีไก่สำหรับเดือน 6 ปีหน้า
“โมเยอโฏนตา1
โมเยอ
โมเยอ ...”
ผู้เขียน
รสสุคนธ์ สารทอง
2 มิถุนายน 2567
ไพรบึง, ศรีสะเกษ
1 โมเยอโฏนตา เป็นคำในภาษาเขมร ใช้ในการเรียกผีปู่ย่ามารับเครื่องเซ่นไหว้ในพิธีเลี้ยงผีปู่ตา ตามความเชื่อของชาวบ้านในแถบอีสานที่ว่า เมื่อทำพิธีเลี้ยงผีปู่ตาดีแล้ว ผีปู่ตาหรือผีบรรพบุรุษก็จะคอยปกป้องความคุ้มครองลูกหลานและคนในหมู่บ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข รวมไปถึงบันดาลพรต่าง ๆ ตามคำขอของผู้ที่มาเซ่นไหว้
ป้ายกำกับ รสสุคนธ์ สารทอง โมเยอโฏนตา กวีนิพนธ์