ต่อเนื่องจากโครงการประกวดหนังสั้นทักษะวัฒนธรรมสำหรับเยาวชน “ขัดกันฉันมิตร” ปีที่ 1 (2560) เยาวชนได้มีโอกาสทำความเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรม สำรวจอคติ และภาพเหมารวมที่ส่งผลต่อ ทัศนคติในเชิงลบและการเลือกปฏิบัติที่มีต่อคนที่แตกต่าง รวมทั้งเรียนรู้ผลกระทบของสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่นับถือศาสนาต่างกัน ทำให้เปลี่ยนมุมมอง หรือทัศนะด้านลบบางอย่างที่เคยมี และเสริมทักษะให้เยาวชนทั้งด้านทักษะวัฒนธรรมและด้านการสื่อสารสาธารณะ มีส่วนร่วมในการสื่อสารมุมมองของเยาวชนต่อสาธารณะในประเด็นทักษะวัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกับความขัดแย้งในภาคใต้ ผ่านกระบวนการการทำหนังสั้น ซึ่งโครงการประกวดฯ ในปีที่ 2 นี้ ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรภาคี ได้แก่ ศูนย์ข่าวสารสันติภาพ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สหภาพยุโรป (EU) ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ศมส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS)
First Contact เป็นหนังสารคดีที่สร้างขึ้นในปี 1983 โดย Bob Connolly และ Robinson Anderson เล่าถึงการค้นพบประชากรพื้นเมืองในพื้นที่สูงของนิวกินีในปี 1930 ในพื้นที่ที่คิดว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีหนังสือที่เขียนขึ้นในชื่อเดียวกันและผู้เขียนเดียวกัน มีคนในภูมิภาคและสมาชิกพี่น้อง Leahy ที่ทำเหมืองทองที่ยังมีชีวิตอยู่ได้เล่าขานเรื่องที่ไปพบมาผ่านภาพยนต์ที่ ถ่ายมาโดยสมาชิกที่ร่วมเดินทางและวิดีโอร่วมสมัยของภูมิประเทศของเกาะถูก เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Documentary Feature ด้วย
ISHI : the the last yahi (American Experience: Ishi, The Last Yahi )
ในปี 1911 ชาวอินเดียนที่เดินทางออกจากพื้นที่แถบเทือกเขาทางภาคเหนือของรัฐ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย และยังใช้ชีวิตในแบบโบราณ เขาถูกค้นพบว่าซ่อนตัวอยู่ยุ้งข้าว และถูกส่งตัวไปที่ San Francisco เพื่อการศึกษาพฤติกรรม ซึ่งเหมือนกับการศึกษาพฤติกรรมสัตว์หายากโดยนักมานุษยวิทยาชื่อ อัลเฟรด โครเบอร์ Alfred Kroeber ผลการศึกษาเปิดเผยออกมาว่าพวกเขาเป็น Ishi เป็นสมาชิกคนสุดท้ายที่รอดตายของชนเผ่า Yahi เขาเป็นคนที่มีรูปร่างผิดปกติ จึงโด่งดังมากในซานฟรานซิสโก มีสารคดี ภาพถ่าย ภาพยนตร์ ที่นำเสนอเรื่องราวของเขา จนกระทั่งปี 1978 จึงได้มีการผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ที่เกี่ยวกับชีวประวัติของเขา
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานสำคัญเรื่องหนึ่งของ Jean Rouch เขาเองได้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา การยืนหยัดเพื่อการคงอยู่และวิธีการสร้างภาพยนตร์ของเขาว่านำเสนอแต่ความ จริง แล้วคุณจะรู้ว่าคุณได้อยู่ใกล้กับความจริงของ Jean Rouch กับเพื่อนสนิทคือ Damouré และ Tallou Jean - André Fieschi ได้กำหนดตัวนักแสดงและวิธีการกำกับเพื่อสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับ Rouch โดยมี Jean Rouch เป็นตัวแสดงซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนสนิทชาวแอฟริกันทั้ง Damouré และ Tallou, ติดตามชมได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
ภาพยนตร์ชุดนี้ของ Jean Rouch เป็นเรื่องราวในประเทศ กานา และไนเจอร์ซึ่งอยู่ทวีปอาฟริกา ภาพยนตร์มีความหลากหลายได้แก่ความเป็นอยู่ การเดินทาง ความรัก และความตาย การเรียนรู้และมิตรภาพ ประเพณีความเป็นอยู่ จัดเป็นข้อมูลที่ดีทางด้านมานุษยวิทยาและข้อมูลเชิงด้านประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ในชุดนี้ประกอบด้วยดีวีดี จำนวน 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ 1. Cine – Trance, 2. Cine – Plaisir, 3. Cine – Meet และ 4. Cine - Rouch
ABOUT: The Films of Jean Rouch, a unique archive on Africa, gems for moviegoers, are also stories that depict simple stories - hunting, travel, love and death, the learning and friendship - to the universal. Some films are pure anthropological tradition, others humorous fiction.
Le geste cinematographique : Robert Flaherty (Robert Flaherty : Nanouk l'esquimau, L'Homme d'Aran, Louisiana Story, The land)
ภาพยนตร์ชุดนี้มีจำนวน 4 เรื่อง ถ่ายทำโดย Robert Flaherty ได้แก่ 1. Nanouk l'esquimau 2. L'Homme d'Aran 3. Louisiana Story 4. The Land Robert เป็นนักสร้างภาพยนตร์สารคดีชาวอเมริกันเขากำกับและผลิตงานที่มีคุณภาพเช่น เรื่อง Nanook ซึ่งถ่ายทำในแคนาดาบริเวณพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เราจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งหาดูไม่ ได้อีกแล้วในปัจจุบัน รวมทั้งเรื่องอื่นๆอีกในชุดเดียวกัน
Virtual borders (จินตบัญญัติ โดย มานู ลุกค์)
Virtual borders เป็นภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของผู้นำชาวอาข่าชื่อ Abaw Buseuv ที่ได้เดินทางจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมของชาวอาข่า มีการกระจายเสียงและส่งข้อมูลไปยังชาวอาข่าที่อยู่ในประเทศไทย อาข่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ชายแดนของห้าประเทศ ได้แก่ ไทย พม่า (เมียนมาร์), จีน, เวียดนาม และลาว นอกจาการชุมนุมแล้วภาพยนตร์ยังได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตและความเป็นอยู่ของอา ข่าด้วย
ความสัมพันธ์ของมานุษยวิทยากับลัทธิล่าอาณานิคมมานุษยวิทยาได้มีการพูดถึง อย่างกว้างขวาง แต่กลุ่มคนในอาณานิคมส่วนใหญ่ยังมิได้สำรวจอย่างจริงจัง ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งไม่ใช่ไม่ใช่ข้อสรุปของประเด็น ดังกล่าว เวลาผ่านไป 40 ปีในเคนยา พันเอก Hilary Hook Home from the hill เป็นเรื่องราวชีวิตของพันเอก Hilary Hook นายทหารชาวอังกฤษที่เกษียณราชการอาศัยอยู่ในประเทศเคนยาสุดท้ายเขาต้องกลับ มายังสหราชอาณาจักรบ้านเกิด ที่ชานกรุงลอนดอนที่นี่เขาต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่
ภาพยนตร์เรื่อง In the light of reverence เป็นการนำเสนอความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมอเมริกันกับสถานที่ที่เป็นธรรมชาติ จำนวนสามแห่งถือเคารพนับถือโดยคนพื้นเมือง ได้แก่ที่ราบสูงโคโลราโดในแถบตะวันตกเฉียงใต้ Mount Shasta ในแคลิฟอร์เนียและ Devils Tower ในไวโอมิง สถานที่ทั้งหมดอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้และ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นที่หวงแหนของชนพื้นเมือง พวกเขาพยามยามที่จะรักษาพื้นที่เหล่านี้ไว้จึงสร้างความขัดแย้งกับกลุ่มผล ประโยชน์ บรรดานักปีนเขา พบกับการต่อสู้ของกลุ่มพื้นเมืองที่จะพยายามรักษาพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ต่อ ไป
Willy Gorongfel, ชาว Yapese เป็นทั้งผู้รายงานข่าว, ผู้ประกาศโทรทัศน์สถานี WAAB-TV ออกอากาศวันละ 8 ชั่วโมงให้คนบนเกาะ Yap ซึ่งอยู่ในเขตปกครองหมู่เกาะ Pacific Island หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ ไมโครนีเซีย (Micronesia) อยู่ในการดูแลของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ผู้คนบนเกาะนี้ได้รับการดูแลจากสหรัฐอเมริกา ความเป็นอยู่ต่างๆจึงได้รับอิทธิพลจากอเมริกาอย่างเต็มที่ ใน ปี 1979 สหรัฐได้จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ขึ้น และนำเอารายการของอเมริกามาออกอากาศ ค่านิยมแบบอเมริกาถูกนำมาเผยแพร่อย่างผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ แต่กระนั้นก็ตามชาว Yap ก็ได้รับประโยชน์จากโทรทัศน์แห่งนี้ในการรายงานข่าวท้องถิ่น แต่ก็มีชาว Yapese จำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าโทรทัศน์ได้เข้ามาทำลายวัฒนธรรมของเขา โดยพยายามยัดเยียดวัฒนธรรมอเมริกันเข้าบนหมู่เกาะแห่งนี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้เนื้อหากึ่งท่องเที่ยวและสอดแทรกด้วยเรื่องจริงจากสารคดี เดิม โดยได้จัดให้มีการท่องเที่ยวไปยังดินแดนที่ครั้งหนึ่งเป็นที่อาศัยของมนุษย์ กินคนของกลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะค่อนข้างมีฐานะ และใช้การเดินทางโดยเรือสำราญไปตามแน่น้ำ Sepik ในประเทศปาปัวนิวกินี มันเป็นความพยายามที่จะนำไปสู่สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอารยะธรรมของมัน อยู่ แต่ทว่าปัจจุบันความเจริญเริ่มเข้าไปถึง คุณค่าของวัฒนธรรมเดิมเหล่านั้นก็จะสูญหายไปเหลือแต่เพียงการแสดง และการขายของเพื่อแลกกับเงินตราที่จะได้มาแทน