Title Author Imprint Collection Url Annotation
ฐานข้อมูลภาษาและวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนอาเซียน ดำรงพล อินทร์จันทร์, บรรณาธิการ. กรุงเทพฯ : ภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ, 2560 Book: GN316 .ฐ63 2560 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00093584

หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมภาษาและวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เพื่อจัดเก็บเป็นฐานข้อมูล โดยมีข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์โส้ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนของไทยรวมอยู่ด้วย 

ภาษาของชาวโส้จัดอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษาออสโตร เอเชียติค (Austro Asiatic ในบางครั้งมีการเข้าใจผิดว่าชาวโส้ โซ่ กะโซ่ เป็นชนกลุ่มเดียวกับชาวโซ่งในจังหวัดเพชรบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี ปัจจุบันชาวโส้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน บริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม และมุกดาหาร 

ภาษาโซ่ (ทะวืง) วจีลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร หทัยรัตน์ มาประณีต - วัฒนธรรม. ปีที่ 53, ฉบับที่ 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2557), หน้า 60-66 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00050157

บทความนี้กล่าวถึงการศึกษาภาษาของชาวโซ่ (ทะวืง) ที่อยู่ในตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ซึ่งหนีภัยสงครามจากเมืองคำเกิด แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยข้ามแม่น้ำโขงผ่านเทือกเขาภูพานมาตั้งรกรากอาศัยอยู่จนถึงปัจจุบัน สำหรับภาษาโซ่ (ทะวืง) เป็นภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก (Austroasiatic) ที่ไม่มีระบบตัวอักษร ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นวิกฤตเนื่องจากเหลือผู้พูดและฟังภาษาโซ่ (ทะวืง) ประมาณ 800-1,000 คน ประกอบกับชาวโซ่ (ทะวืง) มีทัศนคติด้านลบกับภาษาของตน เพราะมีคนกลุ่มอื่นที่ฟังไม่เข้าใจและดูถูกว่าเป็นภาษาของคนป่า รวมถึงชาวโซ่ (ทะวืง) ที่มีการศึกษา หรือผู้ที่แต่งงานข้ามชาติพันธุ์ไม่ยอมพูดภาษาของตน ดังนั้น ก่อนที่จะสูญเสียรากเหง้าและมรดกภูมิปัญญาของชาวโซ่ (ทะวืง) นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ทำโครงการวิจัย “อนุรักษ์ฟื้นฟูภาษาประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทโซ่ (ทะวืง) ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ”เพื่อฟื้นฟูและถ่ายทอดภาษาโซ่ (ทะวืง) โดยการพัฒนาระบบตัวเขียนเพื่อสร้างหลักเกณฑ์การเขียนที่ถูกต้องด้วยอักษรไทย ผ่านการเรียนการสอนในโรงเรียน ทำให้เกิดการสืบทอดและคงอยู่ของภาษาโซ่ (ทะวืง) ต่อไป 

โส้ พลังผีพลังคน ทีวีไทย (นิรมล เมธีสุวกุล) กรุงเทพฯ : ทีวีไทย, [2553] Audio Visual Materials: CDF 000546 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070896

ดิทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตของชาวโส้ ในหมู่บ้านหนองหอย อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ที่มีความเชื่อเรื่องผีหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ โดยมีความเชื่อว่าหากทำอะไรไม่ดีหรือทำให้ผีไม่พอใจ ผีก็จะทำให้ตัวเองเจ็บป่วย จึงมีพิธีกรรมที่เรียกว่า “การเหยา” เป็นพิธีกรรมสื่อสารระหว่างผีกับคนผ่านหมอเหยา เพื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้เจ็บป่วยและวิธีการรักษา โดยใช้บทกลอน ทำนองลำ และแคนประกอบการให้จังหวะ พร้อมเครื่องคาย (เครื่องไหว้ครู) ประกอบการเหยาด้วย  

แม้จะรักษาอาการเจ็บป่วยหายแล้วแต่ผีก็กลับมาทำร้ายได้อีก จึงต้องมีพิธีลงสนามเลี้ยงผีประจำปี หรือภาษาโส้เรียกว่า แซงสนัมประจำกะมอ เป็นพิธีกรรมสำคัญที่รวมผู้คนที่เคยผ่านพิธีการเหยาจากหมอเหยาในหมู่บ้านหรือผ่านการรักษาจากหมอเหยานั้นๆมาทำพิธีร่วมกัน มักจัดขึ้นในหมู่บ้านของตนเป็นประจำทุกปี ระหว่างเดือน 4 หรือเดือน 5 ก่อนเข้าสู่ฤดูทำนาทำไร่ เพื่อเลี้ยงผีที่เคยเชิญออกจากร่าง รวมถึงบูชาหมอเหยาที่เคยรักษาให้ตนหายเจ็บป่วยเป็นการตอบแทนบุญคุณปีละครั้ง 

คนโส้กุสุมาลย์ ทีวีไทย (นิรมล เมธีสุวกุล) กรุงเทพฯ : ทีวีไทย, [2553] Audio Visual Materials: CDF 000807 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070894

สารคดีนี้นำเสนอเกี่ยวกับชาวไทโส้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณแอ่งสกลนคร อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ซึ่งชาวไทโส้เป็นชาติพันธุ์ที่มีความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ นับถือผี รวมทั้งได้เสนอเกี่ยวกับ งานโส้รำลึก ที่จัดขึ้นเพื่อบวงสรวงพระอรัญอาสา ผู้นำการตั้งถิ่นฐานของชาวโส้ในพื้นที่แอ่งสกลนคร ในงานโส้รำลึกนี้จะจัดเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 เปรียบเสมือนวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทโส้ จะมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ แต่จะให้ความสำคัญกับการไหว้ผีบรรพบุรุษที่ก่อกำเนิดชาวโส้ หรือ ผีตะปูน นั่นเอง  

ทั้งยังได้มีการเสนอข้อมูลของบ้านหนองหอย ในอำเภอกุสุมาลย์ ซึ่งยังคงเป็นชุมชนชาวโส้ที่ยังคงมีวัฒนธรรมของโส้อย่างชัดเจน ใช้ภาษาโส้ในการสื่อสาร ในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ชาวบ้านจะพากันไปกราบไหว้หอผีที่เชื่อว่าดูแลคนทั้งหมู่บ้าน และได้มีพิธีการบูชาผีบรรพบุรุษเพื่อเป็นสิริมงคลกับลูกหลานในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นพิธีกรรมและวัฒนธรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

โซ่ทะวืงที่ส่องดาว ทีวีไทย ทีวีไทย (นิรมล เมธีสุวกุล) กรุงเทพฯ : ทีวีไทย, [2552] Audio Visual Materials: CDF 000601 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00068478

สารคดีนี้นำเสนอเกี่ยวกับโซ่ทะวืงที่ยังคงเหลืออยู่จำนวนไม่มากเพียง 2,000 คนในประเทศไทย         ที่ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร โดยเนื้อหามีการพูดถึงการใช้ภาษาโซ่ทะวืงในการสื่อสาร ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับภาษาเวียดนาม ในกลุ่มภาษาสาขาเวียตติก ปัจจุบันภาษาโซ่ทะวืงเริ่มเข้าสู่สถานการณ์วิกฤติ แต่ก็ได้รับความร่วมมือในการร่วมฟื้นฟูภาษานี้ร่วมกับคนในชุมชน 

หมู่บ้านที่ยังคงมีการใช้ภาษาโซ่ทะวืงเหลือเพียง 4 หมู่บ้านเท่านั้น ได้แก่ บ้านหนองแวง บ้านหนองเจริญ บ้านดงสร้างคำ และบ้านหนองม่วง ทั้ง 4 หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านที่มีการอาศัยอยู่ร่วมกันแบบหลากหลายของชาติพันธุ์ทั้ง ย้อ ลาว ภูไท และโซ่ทะวืง ทางรายการได้มีการลงพื้นที่ที่บ้านหนองม่วง ซึ่งมีชาวโซ่ทะวืงหนาแน่นที่สุด มีการสื่อสารด้วยภาษาที่หลากหลายแต่กลับมีความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง การใช้ภาษาโซ่ทะวืงจะเห็นได้ชัดในการใช้เรียกชื่อสมุนไพร จะมีสมุนไพรหลายชนิดที่รู้จักกันเฉพาะภาษาโซ่ทะวืงเท่านั้น ในด้านการละเล่นต่างๆของชาวโซ่ทะวืงจะเป็นท่าร่ายรำที่สนุกสนานและเลียนแบบจากสัตว์ 

เราะออกุสุมาลย์ สบายดีกุสุมาลย์ สมชัย คำเพราะ - เนชั่นสุดสัปดาห์. ปีที่ 17, ฉบับที่ 872 (ก.พ. 2552), หน้า 53 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00025227

บทความนี้นำเสนอเกี่ยวกับ “เทศกาลโส้รำลึก ครั้งที่ 28 ครบรอบ 170 ปี เมืองกุสุมาลย์มณฑล” ซึ่งเป็นงานที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและผู้คนในชุมชน เพื่อให้เห็นความสำคัญ สืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทโส้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ที่มีประวัติความเป็นมาว่า ชาวไทโส้ได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และโยกย้ายเพื่อหนีโรคระบาดจนตั้งถิ่นฐานที่บริเวณตลาดอำเภอกุสุมาลย์ จนถึงปัจจุบัน ชาวไทโส้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีภาษาพูดเป็นของตนเองซึ่งจัดอยู่ในตระกูลภาษามอญ-เขมร และมีความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ (ผี)  

ในงานเทศกาลโส้รำลึก มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวไทโสในรูปขบวนแห่เจ้าเมืองจำลอง ขบวนแห่ขันหมากเบ็งหรือพานบายศรี ขบวนแสดงวิถีชีวิตชาวไทโส้ ขบวนแห่สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นของชาวไทโส้ เช่น เครื่องมือหาเปลา ของเล่นเด็ก เครื่องจักสาน เป็นต้น ขบวนฟ้อนรำของหญิงสาวที่สวมชุดประจำชาติพันธุ์ไทโส้ สวมผ้าซิ่นทอด้วยฝ้ายมัดหมี่ เสื้อผ้าฝ้ายแขนกระบอกย้อมสีคราม ขลิบแดง ห่มด้วยสไบลวดลายสวยงาม และสังเกตได้ว่า หากหญิงใดที่เกล้ามวยผมสูงแสดงว่ายังไม่ผ่านการแต่งงาน หากหญิงใดเกล้ามวยต่ำบริเวณท้ายทอยแสดงว่าผ่านการแต่งงานมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแสดงลายกลอง คือการตีกลองเป็นเป็นจังหวะของชาวไทโส้ ประกอบการบรรเลงเครื่องดนตรี เช่น พิณ แคน ซอ และการร่ายรำฟ้อนโส้ทั่งบั้ง เป็นต้น

การเล่นลายกลองกิ่งสกลนคร สายัณห์ บุญใบ - เพลงดนตรี ปีที่ 14, ฉบับที่ 6 (ก.พ. 2552), หน้า 32-37 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00023419

บทความนี้กล่าวถึง การเล่นลายกลองกิ่ง ซึ่งถือเป็นศิลปะชั้นสูงของชาวไทโส้ ในอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร หรือที่เรียกกันว่า “กลองจิ่ง” ในภาษาถิ่น ปัจจุบัน กลองชนิดนี้นิยมใช้ติดประกอบขบวนแห่งานบุญตามงานเทศกาล และใช้ตีเพื่อประกอบจังหวะฟ้อนแบบต่างๆ นักตีกลองบางคนอาจแสดงลีลาลวดลายเลียนแบบท่าทางสัตว์ที่ตนรู้จัก และตั้งชื่อท่าทางการตีกลองในแต่ละท่า ซึ่งในภาษาอีสานเรียกท่วงทำนองหรือลีลาแบบแผนหนึ่งๆ ว่า “ลาย” โดยแบ่งออกเป็น 1) ลายใหญ่ หรือ ลายหลัก และ 2) ลายย่อย หรือ ลายสลับ โดยมีการตี 3 ลักษณะ ได้แก่ จังหวะหลัก จังหวะแทรกและจังหวะส่ง การเล่นลายกลองกิ่งของไทโส้จะแสดงในเทศกาลโส้รำลึก โดยจัดขึ้น ณ สนามหน้าศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ในวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 3 เป็นประจำของทุกปี 

สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : โส้ ยงยุทธ บุราสิทธิ์ นครปฐม : สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2551 Book: DS570.ส92ย24 2551 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070038

สารานุกรมเล่มนี้กล่าวถึงข้อมูลพื้นฐานอย่างละเอียดของชาวโส้, โซ่ หรือกะโซ่ ชาวบ้านทั่วไปเรียกตนเองว่า “โส้” แต่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน เขียนว่า “กะโซ่” ซึ่งการเรียกขานชาวโส้นั้นยังมีนักภาษาศาสตร์จำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ โส้, โส้ (ทะวืง), โส้ (บรู) อีกด้วย 

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของชาวโส้ ทั้งประวัติตามตำนานท้องถิ่นและประวัติศาสตร์การอพยพจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาอาศัยในประเทศไทยที่จังหวัดสกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, กาฬสินธุ์ และหนองคาย โดยคาดการณ์ว่ามีกลุ่มคนที่พูดภาษาโส้ในประเทศไทยอยู่ประมาณ 70,000 คน รวมถึงข้อมูลลักษณะที่อยู่อาศัย การแต่งกาย ภาษา การประกอบอาชีพ ความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรม อาหาร ภูมิปัญญาในการรักษาโรคและการละเล่นของชาวโส้  

แซงซะนาม สื่อพิธีกรรมเพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์ศักดิ์ศรีชาวไทโส้ ณฐมน บัวพรมมี, กาญจนา แก้วเทพ - วารสารวัฒนธรรมไทย. ปีที่ 47, ฉบับที่ 11 (ต.ค. 2551), หน้า 38-39 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00044272

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง การใช้สื่อพิธีกรรมแซงซะนาม เพื่อเสริมสร้างอัตลักษณ์ศักดิ์ศรีชาวไทโส บ้านโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม 

พิธีกรรมแซงซะนาม หรือ ลงสนาม เป็นพิธีกรรมประจำปี จัดขึ้นเพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในด้านต่างๆ ตั้งแต่การปกปักษ์รักษาน้ำสำหรับทำนาหล่อเลี้ยงชีวิต รวมไปถึงการช่วยให้หายเจ็บป่วย สิ่งที่เห็นชัดเจน คือ การแสดงความกตัญญูต่อ “แม่แก้ว” หรือหมอเหยาผู้เป็นสื่อกลางติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติ (ผี) จากงานวิจัยพบว่า ยุคสมัยของการธำรงรักษาอัตลักษณ์ศักดิ์ศรีที่สัมพันธ์กับพิธีกรรมแซงซะนามของชาวไทโส้บ้านโพนจาน แบ่งเป็น 3 ยุค คือ 

ยุคแรก (ประมาณ พ.ศ.2508 นับตั้งแต่ก่อตั้งชุมชน ชุมชนใช้วิธีปิดตัวจากโลกภายนอกเพื่อรักษาอัตลักษณ์ของชาวไทโส้ในชุมชน โดยมีปัจจัยเอื้ออำนวยคือถนนหนทางและไฟฟ้าที่ยังเข้าไม่ถึง ชาวไทโสยังคงประกอบอาชีพทำไร่ทำนา แต่เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะพึ่งหมอเหยาร่วมกับการใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการรักษาแล้วใช้พิธีแซงซะนามเป็นการรำลึกถึงบุญคุณ 

ยุคที่สอง (พ.ศ.2528-2548) กระแสโลกาภิวัตน์หลั่งไหลเข้าสู่ชุมชน ชาวไทโส้วัยหนุ่มสาวในชุมชนทิ้งอาชีพเกษตรกรรม ไม่นิยมปฏิบัติตามประเพณีเดิม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย คนหนุ่มสาวอายที่เกิดเป็นชาวไทโส้ ทำให้ครูโรงเรียนบ้านโพนจานพยายามดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูประเพณีชาวไทโส้ในโรงเรียน เช่น การรณรงค์แต่งกายแบบชาวไทโส้ ภาษาโส-ไทย-อังกฤษ วันละคำ 

ยุคที่สาม (พ.ศ.2549-ปัจจุบัน) ชุมชนได้ร่วมมือกับโครงการสื่อพื้นบ้านสื่อสารสุข (สพส.) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินกิจกรรมด้วยกระบวนการทำงานวัฒนธรรมเชิงรุก ทำให้ผลของการฟื้นฟูพิธีกรรมแซงซะนามไปสู่เยาวชนรุ่นใหม่ในชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนจนถึงทุกวันนี้

ที่ระลึกงานเฉลิมฉลอง 25 ปี จังหวัดมุกดาหาร ตำนาน 237 ปี เมืองมุกดาหาร 2550 - อุบลราชธานี : สำนักงานจังหวัดมุกดาหาร, 2550 Book: DS589.ม7ท74 2550 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00069371

หนังสือเล่มนี้รวบรวมภาพและเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่สมัยก่อตั้งเมืองมุกดาหาร ความเป็นมาของกลุ่มชาติพันธุ์ วัฒนธรรมในท้องถิ่น และการพัฒนาจังหวัดมุกดาหาร 

สมัยรัชกาลที่ 3 ในเหตุการณ์การปราบกบฎเจ้าอนุวงศ์ กองทัพไทยได้ยกทัพข้ามแม่น้ำโขงไปกวาดต้อนผู้คนจากดินแดนลาวให้อพยพมาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ภาคอีสาน จึงเป็นสาเหตุให้จังหวัดในภูมิภาคนั้นรวมถึงจังหวัดมุกดาหารมีผู้คนหลายหลายกลุ่ม โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหารมีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันจำนวน 8 กลุ่มด้วยกัน 

ชาวไทยกะโซ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งใน 8 กลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดมุกดาหารด้วย ซึ่งนหนังสือเล่มนี้ได้นำภาพถ่ายของชาวกะโซ่ในอดีต และภาพพิธีการเหยาหรือการทำบายศรีสู่ขวัญเพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวไทยกะโซ่อีกด้วย  

งานเทศกาลโส้รำลึก อำเภอกุสุมาลย์ สภาวัฒนธรรมอำเภอกุสุมาลย์ กองการศึกษาเทศบาลตำบลกุสุมาลย์. สกลนคร: สภาวัฒนธรรมอำเภอกุสุมาลย์ กองการศึกษาเทศบาลตำบลกุสุมาลย์, 2549 Book: DS570.ส9ง63 2549 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070569

หนังสือที่ระลึกจากงานเทศกาลโส้รำลึก อำเภอกุสุมาลย์ จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของชาวไทโส้ ในอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร โดยรวบรวมความเป็นมาของชาวไทโส้ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม  

งานเทศกาลโส้รำลึก อำเภอกุสุมาลย์ เป็นงานประจำปีของชาวโส้ จัดในวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ในงานจะมีการแสดงวัฒนธรรมประเพณีชาวไทโส้ เช่น การแสดงรำโส้ทั่งบั้ง การละเล่นลายกลองหรือการตีกลองของชาวไทโสการแสดงดนตรีด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมือง การแสดงศิลปะของชาวไทโส้ งานหัตถกรรมต่างๆ การแสดงวิถีชีวิตของชาวไทโส้ รวมถึงการประกวดธิดาโส้เพื่อแสดงการแต่งกายประจำเผ่าไทโสเป็นต้น 

ประเพณีไทโส้อำเภอกุสุมาลย์ กองการศึกษาเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้อำเภอกุสุมาลย์. สกลนคร : กองการศึกษาเทศบาลตำบลกุสุมาลย์ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้ อำเภอกุสุมาลย์, 2548 books: DS570.ส9ป46 2548 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070568

หนังสือประเพณีไทยโซอำเภอกุสุมาลย์ ผู้เขียนได้รวบรวมนำเอาข้อมูลจากเอกสารประกอบ “เทศกาลโส้รำลึก ครั้งที่ 4 ประจำปี 2528” หนังสือเล่มนี้มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและประเพณีวัฒนธรรมไทโส้ อำเภอกุสุมาลย์ โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปของอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ความหมายของคำว่า “โส้” “โซ่” หรือ “กะโซ่” รวมไปถึงความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งการเกิด การตาย การแต่งงาน ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ และการละเล่นพื้นเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวไทโส้ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนชี้ให้เห็น ถึง ความจำเป็นในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีเหล่าไว้เพื่อประโยชน์ในด้านการศึกษาต่อไป 

แผนที่ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในประเทศไทย สุวิไล เปรมศรีรัตน์, สุจริตลักษณ์ ดีผดุง, อภิญญา บัวสรวง, ...[และคนอื่นๆ] กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2547 Research and Thesis: P35.ท9อ72 2547 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00043616

หนังสือเล่มนี้เป็นงานวิจัยเพื่อจัดทำแผนที่ภาษาของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆในประเทศไทย โดยมีการเสนอข้อมูลการกระจายของกลุ่มภาษา ด้วยสีและสัญลักษณ์บนแผนที่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางด้านภาษาและชาติพันธุ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยการนำความรู้ด้านภาษาศาสตร์ชาติพันธุ์ ความรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์และศาสตร์ในการจัดทำแผนที่ มาประยุกต์เข้าด้วยกัน  

ในส่วนของผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับภาษาโซ่ และ โซ่ (ทะวืง) เป็นภาษาที่อยู่ในกลุ่มภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติก ภาษาโซ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มภาษาที่มีคนพูดจำนวนน้อย ในขณะเดียวกันภาษาโซ่ (ทะวืง) กลับพบว่าเป็นภาษาที่มีคนพูดน้อยมาก โดยจะเห็นได้จากการนำเสนอแผนที่ภาษาของชาติพันธุ์ต่างๆ ในภาคอีสาน นอกจากนี้ผู้วิจัยได้ข้อสังเกตว่า ภาษาโซ่ (ทะวืง) เป็นภาษาที่มีปัญหาด้านการตาย การย้ายภาษา หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของภาษา โดยจากผลการสำรวจของนักภาษาศาสตร์พบว่าภาษาโซ่ (ทะวืง) ในปัจจุบันยังคงมีการพูดในเฉพาะเขตอำเภอสองดาว จังหวัดสกลนครเท่านั้น ส่วนที่จังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดอุดรธานี ไม่มีการพูดภาษานี้แล้ว ซึ่งการพูดภาษาโซ่ (ทะวืง) ที่อำเภอสองดาว จังหวัดสกลนคร กำลังอยู่ในสภาวะของการเปลี่ยนแปลงของภาษาด้วยเช่นกัน 

สะลา สำรวย เย็นเฉื่อย - สารวัฒนธรรม. ปีที่ 10, ฉบับที่ 2 (พ.ค./ส.ค. 2547), หน้า 12 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00026801

บทความนี้ได้กล่าวถึงการละเล่นของชาวไทโส้ มีชื่อเรียกว่า “สะลา” ซึ่งการละเล่นนี้ ผู้เล่นส่วนใหญ่จะเป็นชาย โดยจะแต่งกายนุ่งผ้าขัดเตี่ยวมีชายห้อยข้างหลังเพียงอย่างเดียว ซึ่งพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้อธิบายไว้ในนิทานโบราณคดีเรื่องคนต่างจำพวกเกี่ยวกับกะโส้ อาศัยรวมกันเป็นปึกแผ่นที่เมืองกุสุมาลย์มณฑล จังหวัดสกลนคร โดยมีถิ่นเดิมอยู่ ณ เมืองมหาชัยกองแก้วทางฝั่งซ้าย เรื่องกะโส้นี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักเนื่องด้วยมีจำนวนไม่มากและปัจจุบันไม่นิยมพูดภาษาไทโส้แล้วมีแต่เพียงผู้เฒ่าผู้แก่เท่านั้น แต่ยังคงมีการสืบทอดประเพณีของตนเองอยู่ โดยเฉพาะใน “เทศกาลโส้รำลึก” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำในช่วงต้นปี และพี่น้องไทโส้จะมารวมตัวกันจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการรักษาอัตลักษณ์แห่งชาติพันธุ์ 

เทศกาลโส้รำลึก ครั้งที่ 22 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมไทโส้ อำเภอกุสุมาลย์ สกลนคร : สกลนครการพิมพ์, 2546 book :DS570.ส9 ท75 2546 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077800

หนังสือเทศกาลโส้ลำลึกทั้งที่ 22 เป็นการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติและวัฒนธรรมของชาวไทยโส้ ซึ่งได้รวบรวมจากงานเขียนต่าง ๆ โดยเฉพาะพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ หนังสือเล่มนี้ประกอบไปด้วยประวัติความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของเมืองกุสุมาลย์ ซึ่งปัจจุบันคือ  อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร การเริ่มตั้งถิ่นฐานของชาวไทโส้ ประเพณีที่น่าสนใจของพี่น้องชาวไทโส้ ได้แก่ ประเพณี “การเยา” ประเพณีการเกิด พิธี “เจียสลา” เพื่อการบูชาบรรพบุรุษ พิธี “อะเอียงดง” หรือการกินข้าวใหม่ของชาวไทโส้ พิธี “ชางกะมูด” เมื่อมีการตาย ทั้งยังอธิบายรูปแบบการร่ายรำและการละเล่นของชาวไทโส้ ทั้ง “รำโส้ทั่งบั้ง” “รำลายกลองกิ่งกุสุมาลย์” และยังกล่าวถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาวไทโส้ รวมทั้งได้มีการรวบรวมคำศัพท์ของชาวไทโส้ในหมวดต่างๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทโส้อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย 

บทความเรื่อง คน 7 จำพวก และประวัติลาว: จากลายพระหัตถ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพและลิขิตของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จฯ กรมพระยา, 2405-2486 - ศิลปวัฒนธรรม. 23, 9 (กรกฎาคม 2545) หน้า 162-169 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00005722

จดหมายลายพระหัตถ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ทรงมีไปถึงสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสสเถระ อ้วน) พระเถระผู้เป็นนักปราชญ์อีสาน เพื่อถามเกี่ยวกับคน 7 จำพวก คือ ผู้ไทย กะเลิง ย้อ แสก โย้ย กะตาก และกะโซ้ ที่ได้พบขณะไปตรวจราชการมณฑลอุดรและมณฑลอีสานเมื่อ พ.ศ.2449 ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร มีภูมิเดิมอยู่ที่ไหน และจดหมายลายพระหัตถ์อีกฉบับเพื่อสอบถามเกี่ยวกับประวัติของลาวว่าเป็นพวกลัวะหรือพวกละว้า โดยใจความจดหมายตอบกลับของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสสเถระ อ้วน)โดยสรุปที่เกี่ยวกับพวกกะโซ้ ดังนี้ 

พวกกะโซ้มีอยู่มากที่เมืองกุสุมาลยมณฑล จังหวักสกลนคร มีถิ่นเดิมอยู่ที่เมืองมหาชัยกองแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยทรงอธิบายว่าพวกกะโซ้เป็นพวกเผ่าข่าที่มีหลายกลุ่ม มีชื่อเรียกต่างกันออกไป เชื่อกันว่าชาวข่านั้นเป็นพี่น้องกับชาวไทยตามตำนานในพงศาวดารล้านช้างตอนหนึ่งที่กล่าวเกี่ยวกับกำเนิดมนุษย์จากน้ำเต้าปุ้ง ความว่า คนเราเกิดจากผลน้ำเต้า เมื่อนำเหล็กเผาไฟจนแดงแล้วเอามาแทงที่น้ำเต้า เมื่อถอนเหล็กออกมาคนก็ไหลออกมาจากน้ำเต้านั้น คนที่ออกมาก่อนมีผิวคล้ำเพราะโดนไฟเผาเป็นเผ่าข่า และเผ่าไทยออกมาทีหลังตอนไฟมอดหมดแล้วจึงมีผิวขาว ซึ่งถือว่าเป็นกุศโลบายของผู้แต่งตำนานในการปกครองทั้ง 2 เผ่าให้ปรองดองกัน 

นิทานโบราณคดี สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กรุงเทพฯ : สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, 2544 Book: PL4209.4.ด66 2544 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035926

ในนิทานโบราณคดีเรื่องที่ 17 เรื่องแม่น้ำโขง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เล่าเรื่องที่ได้รู้เห็นเมื่อครั้งไปตรวจราชการที่มณฑลอุดรและอีสาน ในปีพ.ศ.2449 และกล่าวถึงเรื่องคนต่างจำพวกซึ่งกล่าวถึงกลุ่มคนจำนวน 8 กลุ่มที่รวมถึงคนพวกกะโซ่อยู่ด้วย 

เนื้อหาที่กล่าวถึงพวกกะโซ่นั้นกล่าวว่าเป็นพวกข่าที่มีภาษาพูดเป็นของตนเอง อาศัยอยู่ในมณฑลอุดรหลายแห่งแต่อยู่รวมกันมากที่กุสุมาลยมณฑล สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เล่าถึงการละเล่น “สะลา” และอธิบายการเล่นไว้อย่างละเอียด รวมทั้งกล่าวถึงเรื่องเล่าของกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมที่เคยตรัสถามเจ้าเมืองกุสุมาลยมณฑลว่าพวกโซ่กินหมาจริงหรือไม่ พระอรัญอาสา เจ้าเมืองกุสุมาลยมณฑลจึงทูลรับว่า “พวกกะโซ่ชอบแจ๊ะจอ” และได้ทานหมาให้ทอดพระเนตรอย่างเอร็ดอร่อย 

เมืองมุกดาหาร สุรจิตต์ จันทรสาขา มุกดาหาร : สำนักงานจังหวัดมุกดาหาร, 2543 Book: DS589.ม7ส73 2543 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00048024

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเมืองมุกดาหาร โดยส่วนหนึ่งของเนื้อหามีกล่าวถึงกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งกล่าวรวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ไทยกะโซ่ไว้ด้วย 

ชาวไทยกะโซ่, กะโส้, โซ่ หรือโส้ ซึ่งมาจากคำว่าข่าโซ่ หมายถึงคนข่าพวกหนึ่งในตระกูลมอญเขมร มีลักษณะและชาติพันธุ์จัดอยู่ในกลุ่มมองโกลอยด์แต่ลักษณะภาษาจัดอยู่ในกลุ่มตระกูลออสโตรอาเชียติค 

พวกะโซ่นี้เดิมอยู่ที่เมืองมหาชัย แขวงคำม่วนและแขวงสุวรรณเขตของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในจังหวัดมุกดาหารชาวกะโซ่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอดงหลวงเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่จะใช้นามสกุลเดียวกัน คือ วงศ์กะโซ่ พิธีกรรมของชาวกะโซ่ที่ยังคงรักษาไว้เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ โซ่ถั่งบั้งหรือสลา  พิธีซางกะมูด และพิธีเหยา 

นครพนม กนกวรรณ โสภณวัฒนวิจิตร. กรุงเทพฯ : ต้นอ้อ 1999, 2543 Book: DS589.น3ก32 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00040621

หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สภาพเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดนครพนม ซึ่งรวมทั้งการกล่าวถึงประชากรที่อาศัยในจังหวัดนครพนม จำนวน 693,620 คน (จากข้อมูลสถิติประชากรปี พ.ศ. 2539) โดยชาวไทยกระโส้หรือโส้ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นเดิมอยู่ที่เมืองมหาชัย แขวงคำม่วน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แล้วอพยพมาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดนครพนมในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายหลังการปราบกบฎเจาอนุวงศ์ และชาวโส้นั้นอาศัยอยู่มากในพื้นที่ตำบลรามราช อำเภอท่าอุเทน และอำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม 

ประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย คุณหญิงสุริยา รัตนกุล...[และคนอื่น] กรุงเทพฯ: สถาบันภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2542 Research and Thesis: GN635.ท9ค49 2542 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00020135

การประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกในประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย ประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย ภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกั้นเป็นตระกูลภาษาเก่าแก่ในอาเซียอาคเนย์ ปัจจุบันมีกลุ่มผู้พูดภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกในประเทศไทยมากกว่า 20 กลุ่ม จากการศึกษาของนักประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และนักปราชญ์ด้านชาติพันธุ์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ยืนยันว่ากลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกในประเทศไทย แยกออกเป็น 8 สาขา โดยภาษาโซ่จะอยู่ในกลุ่มกตุ (KATUIC) ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มมอญ-เขมรตะวันออก (EASTERN MON-KHMER 

การศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับกลุ่มชนที่พูดภาษาโซ่ (ทะวืง) มีเพียง 1-3 ชิ้น และเป็นเนื้อหาที่ถูกกล่าวร่วมกับกลุ่มชนอื่นๆ โดยมีงานวิจัยที่เป็นประโยชน์กับการศึกษาภาษาโซ่ เช่น งานรวบรวมพจนานุกรมภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติกภาษาต่างๆ ซึ่งมีพจนานุกรมภาษาโซ่ (ทะวืง) ไทย-อังกฤษ (2542) รวมอยู่ด้วย

มุกดาหาร : อัญมณีชายฝั่งโขง ดวงจำปา กรุงเทพฯ : แสงปัญญาเลิศ, 2542 Book: DS589.ม7ด52 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00018208

หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ภาพถ่ายและข้อมูลที่ได้จากการลงเก็บข้อมูล ประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐาน เช่น ที่ตั้ง อาณาเขต สภาพภูมิอากาศ ตลอดจนสถานที่สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น 

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประชากรที่อยู่ในจังหวัดมุกดาหารที่ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 8 กลุ่ม เนื่องจากเป็นจังหวัดชายแดนจึงมีผู้คนอพยพโยกย้ายกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งชาวไทยโส้เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตำบลดงหลวง 

รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีที่สำคัญของจังหวัดมุกดาหาร ได้แก่ ประเพณีรวมเผ่าไทยมุกดาหาร มะขามหวานชายโขงที่จะมีกลุ่มชาติพันธุ์ทั้ง 8 กลุ่ม นำการแสดงประจำกลุ่มของตนเองมาจัดแสดงและเป้นการพบปะพี่น้องชาติพันธุ์ประจำปีอีกด้วย 

กลุ่มชาติพันธุ์ในแอ่งสกลนคร - - ศิลปวัฒนธรรม : 18, 3(ม.ค. 2540) ;หน้า 104-109 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00004077

บทความนี้กล่าวถึงความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดสกลนคร ที่มีทั้งไทยอีสานหรือไทยลาวที่ตั้งรกรากกระจัดกระจายทุกอำเภอ รวมทั้งได้กล่าวถึงชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆ ที่อาจจะเห็นชัด        เฉพาะจุด เช่น ภูไท กระเลิง ย้อ ญวน แสก และโย้ย มีการกล่าวถึงความเป็นมาและการตั้งรกรากของกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดสกลนคร รวมทั้งได้กล่าวถึงรูปแบบการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ ประเพณี วัฒนธรรม ดนตรี เครื่องแต่งกาย การนับถือผี  คติธรรมและความเชื่อ การใช้ภาษาและการสื่อสาร ซึ่งวัฒนธรรมของ กลุ่มชนเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นหรือเป็นวัฒนธรรมย่อยที่ควรค่าต่อการศึกษาซึ่งจะเกี่ยวโยงและบ่งบอกถึงความเป็นมาของชนชาตินั้นๆ ในภาพรวมได้เป็นอย่างดี ในบทความเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ในแอ่งสกลนครนี้ยังได้กล่าวรวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์โสไว้ด้วย 

พวกธรอหรือโส้ มีภาษาที่เรียกว่าโส้ โดยนักภาษาศาสตร์จัดให้ภาษาโส้กับส่วยอยู่ในตระกูลเดียวกับภาษามอญ-เขมรสาขากะตุ ชาวโส้มีความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณเวทมนตร์ไสยศาสตร์มาก ซึ่งเห็นได้จากพิธีกรรมต่างๆ ได้แก่ พิธีเหยาหรือเยา เป็นพิธีการทรงเจ้าเข้าผีเพื่อบำบัดความเจ็บป่วย พิธีเลี้ยงผีแจหรือผีเรือน พิธีชางกะมู๊ด เป็นพิธีที่จะทำเมื่อคนตาย พิธีหรือประเพณีเหล่านี้มีการสอดแทรกความเชื่อเรื่องผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ด้วย 

ชาวไทโส้ในแอ่งสกลนครรวมตัวกันอยู่ในอำเภอกุสุมาลย์ มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจโดยเฉพาะด้านดนตรีซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม โดยพิธีกรรมจะมีเครื่องดนตรีที่เป็นองค์ประกอบ เช่น กระจับปี่ (พิณ) ซอหนังกบ กลองเล็ง  โปงลาง พังฮาด ฉิ่ง ฉาบ เป็นต้น 

ผ้าชาวโส้ ใน ผ้าไทย ทรงคุณ จันทจร, พิสิฏฐ์ บุญไชย, แสงเพชร สุพร กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2537 Books Chapter: TS1413.ท9ค35 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00002010

การศึกษาประวัติความเป็นมาของผ้าชาวโส้ในอำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร จากเอกสาร การสัมภาษณ์ และการสังเกต โดยสามารถแบ่งได้ 4 ยุค ดังนี้ 

  1. ยุคโบราณ ใช้ผ้าฝ้ายที่ปลูกเอง วิธีการทอผ้าไม่ซับซ้อน ใช้เครื่องมือทอผ้าแบบง่ายๆ เนื้อผ้าหยาบ ย้อมสีผ้าจากธรรมชาติ 

  1. ยุคแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการทอผ้า มีการติดต่อค้าขายกับกลุ่มอื่น เรียนรู้เทคนิคและวิธีการทอผ้า สามารถปลูกฝ้ายตามไหล่เขา ยังคงใช้เครื่องมือทอผ้าแบบง่ายๆ แต่มีชนิดของผ้าที่มากขึ้น 

  1. ยุคการพัฒนาการทอผ้า พัฒนาการทอผ้า เนื้อผ้า และการย้อม ตลอดจนลวดลายต่างๆที่ประณีต มีการทอที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การต่อหัวต่อท้ายของผ้าซิ่น 

  1. ยุคปัจจุบัน การติดต่อสื่อสารกับภายนอกที่สะดวกมากขึ้น ชาวโส้จึงสวมใส่เสื้อผ้าที่หลากหลายรูปแบบที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด 

ในบทความยังได้รวบรวมขั้นตอนและเทคนิคการผลิตผ้าไหมและฝ้ายของชาวโส้ ลายผ้าที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนา ธรรมชาติ หรือทรงเรขาคณิต ลักษณะการแต่งกายของชาวโสที่ยังคงแต่งกายแบบเรียบง่าย นิยมใส่เสื้อสีพื้น เช่น ดำ ขาว คราม สมัยโบราณชายจะนิยมสวมเสื้อคอตั้ง ติดกระดุม นุ่งผ้าเตี่ยวหรือสวมกางเกงขาก๊วย หากชายใดสวมใส่ลูกประคำเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผู้นั้นเรียนวิชาทางไสยศาสตร์ หญิงสวมเสื้อคอกลม แขนกระบอก มีกระดุมผ่าอกขลิบแดง นุ่งซิ่น รวมถึงการใช้ผ้าประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือความเชื่อทางไสยศาสตร์ เป็นต้น  

โส้ทั่งบั้ง การละเล่นเพื่อพิธีกรรมของชาวไทยโซ่ พุฒ บุตรรัตน์ - วัฒนธรรมไทย. ปีที่ 28, ฉบับที่ 4 (เม.ย. 2532), หน้า 32-35 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00052024

บทความนี้กล่าวถึงภูมิหลังและความเป็นมาของชาวไทยโซ่ในประเทศไทยพอสังเขป และกล่าวถึงการละเล่นหรือพิธีกรรม “โส้ทั่งบั้ง” หรือในภาษาโส้เรียกว่า “โทรอติงเกา” และเป็นการละเล่นพื้นเมืองชนิดหนึ่งของชาวไทยโซ่ โดยการใช้กระบอกไม้ไผ่กระทุ้งลงกับพื้นดินเป็นจังหวะเพื่อประกอบพิธีต่างๆ ชาวไทยโซ่จะเล่นทั่งบั้งในงานพิธีเกี่ยวกับผีซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเล่นในพิธีศพ นอกจากนี้ในบทความยังได้มีการอธิบายรูปแบบการแต่งกายของผู้เล่นทั่งบั้ง ในอดีตผู้เล่นล้วนเป็นชายล้วน นุ่งผ้าเตี่ยวมีชายห้อยข้างหลัง โดยการละเล่นเป็นการเดินร้องรำเป็นวง แต่การเล่นโส้ทั่งบั้งในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปคือใช้ผู้หญิงเป็นผู้เล่นด้วย โดยให้มีส่วนในการฟ้อนรำและเล่นเครื่องตีประกอบอีกจำนวนมาก 

ไปดูชาวโส้ตัดเวรตัดกรรม ทรงวิทย์ ดลประสิทธิ์ - ศิลปวัฒนธรรม.8,4 (ก.พ. 2530), หน้า 96-104 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00000547

บทความนี้เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความเป็นมาของชาวโส้ ทั้งจากตำนานและเอกสารประวัติศาสตร์ รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวโส้โดยเฉพาะชาวโสในหมู่บ้านดอนยาง ตำบลนาขมิ้น จังหวัดนครพนม ซึ่งค่อนข้างยากจน ยังคงยึดมั่นในพระพุทธศาสนาและความเชื่อที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ 

ู้เขียนได้นำเสนอความเชื่อเรื่องการตัดเวรตัดกรรมในพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของชาวโส้ ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีเหยาที่มีทั้งการทำเพื่อเรียกขวัญ รักษาคนป่วยและแก้บน พิธีซางกระมูดหรือพิธีกรรมที่ทำขึ้นภายหลังจากมีคนตายตามความเชื่อเพื่อส่งให้วิญญาณของผู้ตายไปสู่สุคติซึ่งสัมพันธ์กับพิธีโส้ทั่งบั้ง พิธีโส้ทั่งบั้งนี้นอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีซางกระมูดแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมสำคัญของชาวโส้อีกมาก เช่น พิธีเหยา พิธีแซงสนาม เป็นต้น หลังจากประกอบพิธีซางกระมูดและโส้ทั่งบั้งแล้วจะมีการทำพิธีตัดเวรตัดกรรมด้วยการนำอาวุธมีคมตัดสายสิญจน์ที่กองฟอนก่อนจะมีการประชุมเพลิง 

นอกจากขั้นตอนและอุปกรณ์ในการประกอบพิธีกรรมที่ถูกอธิบายไว้อย่างละเอียดพร้อมกับความเชื่อในพิธีกรรม ผู้เขียนยังได้นำภาพประกอบของการทำพิธีซางกระมูดและโส้ทั่งบั้งมารวมไว้อีกด้วย 

 

สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน : ฉบับต้นแบบ - กรุงเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2528 Book: DS568ธ57ส27 ล.4 Reference Books (7th floor) https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00001127

การรวบรวมข้อมูลจัดทำสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสานได้คัดเลือกคำว่า “เหยา” มาอธิบายไว้ “เหยา” เป็นพิธีกรรมรักษาคนไข้ ในเนื้อหามีการกล่าวถึงสาเหตุของการเหยาไว้ 2 ประการ คือ 1. ความเชื่อที่เกิดจากปัญหาการดำรงชีวิตประจำวัน 2. ชาวบ้านมีความเชื่อเรื่องผี ทั้งนี้ ยังได้อธิบายวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมและขั้นตอนการประกอบพิธีกรรม ช่วงวัน เวลา สถานที่ในการประกอบพิธีกรรมอย่างละเอียด 

ภาษาถิ่นตระกูลไทย (พร้อมทั้งภาษาตระกูลต่าง ๆ ในประเทศไทย) เรืองเดช ปันเขื่อนขัติย์. นครปฐม : สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2523 Book: PL4191.ร823 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015634

เอกสารฉบับนี้รวบรวมภาษาถิ่นตระกูลไทยและภาษาตระกูลต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งภาษาโซ่ (So) เป็นภาษาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตร เอเชียติค หรือที่รู้จักกันในนามภาษามอญ เขมรนั้น ความจริงแล้วภาษาตระกูลมอญ เขมรเป็นภาษาสาขาหนึ่งในตระกูลภาษาออสโตร เอเชียติค 

ภาษาโซ่ หรือบางทีเรียกว่าข่าโซ่ (KahSo) เป็นภาษาในตระกูลภาษามอญ เขมร สาขากะตุ (Katuic) สันนิษฐานว่าชาวโซ่อพยพมาจากประเทศลาว เพราะพบชาวโซ่อาศัยอยู่มากในจังหวัดนครพนม สกลนครและหนองคายแต่ไม่พบในจังหวัดชายแดนประเทศเขมร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการสำรวจจำนวนผู้พูดภาษานี้อย่างแน่ชัด แต่จากการประมาณคาดว่ามีผู้พูดภาษานี้ไม่น้อยกว่า 5,000 คน 

ภาษาถิ่นแถบภูพาน ทองคูณ หงส์พันธุ์ สกลนคร : วิทยาลัยครูสกลนคร, 2519 Book: PL4191.ท52 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00012412

หนังสือเล่มนี้รวบรวมภาษาไทยของคน 7 กลุ่มที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงเทือกเขาภูพาน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดสกลนคร นครพนม และกาฬสินธุ์ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับครูที่ปฏิบัติหน้าที่ตามโรงเรียนในหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น 

ข้อมูลของชาวกะโซ่เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกรวบรวมไว้ ชาวกะโซ่อยู่อาศัยมากในพื้นที่อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร อำเภอศรีสงครามและอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม 

ชาวกะโซ่มีภาษาพูดเป็นของตนเอง แต่ไม่ปรากฏภาษาเขียน ลักษณะของภาษากะโซ่คล้ายภาษาเขมรและส่วย โดยมีหลายคำที่ออกเสียงตรงกัน ปัจจุบันบางคำได้เลือนหายไป กลายเป็นคำภาษาไทยอีสานแต่ออกเสียงสำเนียงไทยโซ่ นอกจากนี้ภาษาโซ่ด้วยกันอาจมีความแตกต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับท้องถิ่นและอิทธิพลของภาษาใกล้เคียง 

 

ประเพณีชาวอีสาน (โซ่ถั่งบั้ง) ประสิทธิ์ ตาตินิจ - วารสารวัฒนธรรมไทย ปีที่ 14, ฉบับที่ 2 (มิ.ย. 2517), หน้า 35-38 https://lib.sac.or.th/catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00044832 บทความนี้กล่าวถึงประเพณีโซ่ถั่งบั้ง ซึ่งเป็นประเพณีพื้นบ้านของชาวโซ่ ในท้องที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม คำว่า “โซ่ถั่งบั้ง” มีความหมายว่า โซ่กระทุ้งกระบอก โดยจะทำกันร่วมเป็นกลุ่มเพื่อทำให้เกิดเสียงคล้ายๆ เสียงดนตรี ในการทำพิธีเช่นนี้จะกระทำในเฉพาะงานศพเท่านั้น ทั้งยังอธิบายพิธีศพของชาวโซ่ เริ่มตั้งแต่เมื่อมีการตายเกิดขึ้นในหมู่บ้านก็จะจัดหาสถานที่สำหรับตั้งศพ การแต่งกายของผู้เข้าร่วมพิธี อุปกรณ์ที่ใช้ในงาน รูปแบบการดำเนินพิธี จนถึงการเสร็จสิ้นการเผาศพ โซ่ถั่งบั้ง นี้เป็นพิธีที่แปลกไปจากพิธีศพของชาวอีสานหรือท้องถิ่นอื่นๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่แสดงออกถึงความพร้อมเสียงทั้งทางด้านศิลปะ การร้องรำทำเพลง การแต่งกาย ตลอดจนการแสดงความรู้สึกในท่วงทำนองจังหวะและเนื้อร้องของเพลงของชาวโซ่ในท้องถิ่นนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นประเพณีที่ควรจะรักษาเอาไว้เพื่อเป็นแสดงถึงอัตลักษณ์และประเพณีที่ดีงามของชาวโซ่ต่อไป
สารานุกรมชาติพันธุ์การแพทย์กลุ่มไท-ลาว และ ไท-โซ่ วรางค์รัตน์ และคณะผู้วิจัย สกลนคร : [ม.ป.พ.], [25--] Reference Books : GN635.T4.ส6 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00000314

สารานุกรมเรื่องนี้เกิดขึ้นจากการศึกษาวิจัยของนายสุรัตน์ วรางค์รัตน์และคณะ เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มชาติพันธุ์ไท ลาว, ไท โซ่ ในส่วนของกลุ่มชาติพันธุ์ไท โซ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่พูดภาษามอญ เขมร ผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลของชาวบ้านในอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร 

สาระสำคัญของการศึกษาในครั้งนี้มุ่งเก็บรวบรวมคำพูดที่เป็นคำศัพท์ เสียง ประโยค ที่อธิบายความเจ็บป่วยในด้านกายวิภาคศาสตร์ ศัพท์สรีระวิทยา ชื่อโรค อาการ สาเหตุ พิธีกรรมการรักษา วิธีการรักษา และเวชภัณฑ์ด้านการรักษา เพื่อช่วยให้แพทย์และพยาบาลเข้าใจผู้ป่วยและวิธีการรักษาแบบพื้นบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ พบคำศัพท์ที่พ้องเสียงกับภาษาของภาคกลางซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการวินิฉัยได้ โดยผู้วิจัยได้รวบรวมผลการศึกษาแล้วพบคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมสุขภาพและความเจ็บป่วยของชาวไท โซ่ ราว 250 คำ 

The so people of Kusuman, Northeastern thailand In Ethnic group of Thailand : a collected Article V.9. Kania, Raymond S [S.L : S.N., 2007?] Books Chapter: GN635.T4E85 V.9 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00053409

งานเขียนนี้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์และสังเกตการณ์ในหมู่บ้านของชาวโส้ในอำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร โดยเนื้อหานำเสนอวิถีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงของชาวโส้ นอกจากนี้ ยังมีการอธิบายถึงลักษณะภูมิประเทศและการก่อตั้งบ้านเรือน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ วงจรชีวิตของชาวโส้ ระบบครอบครัวและความสัมพันธ์ทางสังคม พิธีกรรมทางศาสนา ภาษาและวรรณกรรมท้องถิ่น 

ในส่วนท้ายของบทความมีการเทียบเคียงการออกเสียงพยัญชนะและสระในภาษาโส้เทียบกับภาษาอังกฤษ รวมถึงภาพลายเส้นที่นำเสนอตะกร้า งานจักสาน งานหัตถกรรมและอุปกรณ์จับสัตว์แบบต่างๆ ของชาวโส 

So (Thavung) preliminary dictionary Suwilai Premsrirat. [Nakhon Pathom] : Institute of Language and Culture for Rural Book: PL4351.S6S89 2004 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00044444

หนังสือเรื่องนี้เป็นการจัดทำพจนานุกรมคำศัพท์ภาษาโซ่ (ทะวืง) อังกฤษ ไทย โดยในบทนำมีการอธิบายถึงตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติค ซึ่งภาษาโซ่ (ทะวืง) เป็นภาษาหนึ่งในสาขามอญ เขมร ที่เป็นสาขาย่อยในภาษาดังกล่าว 

นอกจากนี้ยังมีการอธิบายโครงการทางภาษาของภาษาโซ่ (ทะวืง) ประวัติความเป็นมาของภาษา ข้อมูลภาษาศาสตร์เชิงสังคม สถานการณ์ของภาษาในหมู่บ้านโซ่ (ทะวืง)  ข้อมูลในพจนานุกรมเล่มนี้รวบรวมจากชาวโซ่ในบ้านหนองแวง ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ในปี ค.ศ. 1995 จะเห็นได้ว่าภาษาโซ่ (ทะวืง) นี้ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาไทย ลาว  พบการใช้ภาษาลาวและญ้อจำนวนมากในภาษาโซ่ (ทะวืง) 

นอกจากคำศัพท์ภาษาโซ่ (ทะวืง) อังกฤษ ไทย แล้ว ยังมีตัวอย่างประโยคภาษาโซ่ (ทะวืง) อังกฤษ ไทย  ดัชนีคำยืมจากภาษาไทย ลาว และการรวมคำไทย โซ่ (ทะวืง) ไว้อีกด้วย

Ethnic groups of Thailand : Non-Tai-Speaking Peoples Joachim Schliesinger. Bangkok, Thailand : White Lotus Press, 2000 Book: GN635.T4S34 2000 https://lib.sac.or.th/catalog/BibItem.aspx?BibID=b00020779

หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทยซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้พูดภาษาตระกูลไท จำนวน 38 กลุ่ม รวมถึงภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์โส้ซึ่งเป็นภาษาในตระกูลออสโตร เอเชียติค ในกลุ่มภาษามอญ เขมร สาขากะตุ กลุ่มชาติพันธุ์โส้มีชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์อย่างอื่นว่า ข่าโส้ และโซ่ อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร อำเภอเมืองและกุสุมาลย์ จำหวัดสกลนคร อำเภอนาหว้และท่าอุเทน จังหวัดนครพนม  

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของกลุ่มชาติพันธุ์โส้ งานฝีมือและหัตถกรรม ขนบธรรมเนียม ลักษณะที่อยู่อาศัย การทำเกษตรกรรมและระบบเศรษฐกิจ ประเพณีและความเชื่อ