Title Author Imprint Collection Url Annotation
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/about.php ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย รวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์มาสรุปสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยา โดยมีการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่เรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตัวเอง เทียบเคียงกับชื่อเรียกโดยคนอื่น และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น


 
ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ทั้งแผนที่แสดงที่ตั้งถิ่นฐาน สภาพภายในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้ชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่คนในใช้เรียกตัวเองหรือต้องการให้สังคมเรียกในชื่อนี้ รวมถึงการค้นคว้าเนื้อหาที่แสดงให้เห็นพลวัตและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณะมีความรับรู้และเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น
 
ศูนย์จีนศึกษา (Chinese Studies Center) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ระบุไ ไม่ระบุ http://www.ias.chula.ac.th/ias/th/Chinese-Studies-Center.php http://www.csc.ias.chula.ac.th/ ศูนย์จีนศึกษาได้ทำการศึกษาวิจัยและเผยแพร่ความรู้เรื่องเกี่ยวกับจีนในลักษณะสหสาขาวิชา ทั้งในด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สังคม วัฒนธรรมและภาษา รมทั้งความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนโพ้นทะเล โดยมุ่งหวังเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศ สร้างฐานข้อมูลและองค์ความรู้เรื่องจีนศึกษาที่มีคุณภาพเป็นบริการให้แก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินความสัมพันธืกับจีนในระดับต่างๆ และเพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านจีนศึกษากับนักวิชาการทั่วโลก
 
"เต้าหมิง" โรงเรียนจีนแห่งเมืองตะกั่วป่า อภิญญา นนท์นาท ไม่ระบุ วารสารเมืองโบราณ ปีที่ 44, ฉบับที่ 2 (เม.ย./มิ.ย. 2561), หน้า 54-66 http://lib.sac.or.th/Catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00068791 โรงเรียนจีนเป็นหนึ่งในองค์กรสำคัญในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย เป็นสถานที่หล่อหลอมและส่งเสริมอัตลักษณ์ให้แก่ลูกหลานชาวจีนโพ้นทะเลให้มีความผูกพันกับแผ่นดินแม่และไม่ลืมวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษ นอกจากนั้นยังมีการสอนภาษาจีน การบัญชี และความรู้ต่างๆ เพื่อให้ลูกหลานชาวจีนมีทักษะในการประกอบกิจการค้าขาย ช่วยเหลืองานของครอบครัวได้ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาถือเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีผู้อพยพชาวจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนฮกเกี้ยน มีโรงเรียน “เต้าหมิง” เป็นโรงเรียนจีนแห่งแรกในอำเภอ โดยปรากฎหลักฐานในแบบแจ้งความจำนงตั้งโรงเรียนในปี พ.. 2463 การก่อตั้งโรงเรียนจีนในชุมชนดังกล่าวจึงเป็นเหมือนสิ่งสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิต บทบาททางเศรษฐกิจและสังคมของชาวจีนที่อยู่ในสังคม ผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อมูลทั้งที่เป็นเอกสาร ภาพถ่าย และคำบอกเล่าเกี่ยวกับโรงเรียนเต้าหมิง เพื่อแสดงให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลในอำเภอตะกั่วป่าในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน
 
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้...ถึงคนจีนเซี่ยงไฮ้ในกรุงเทพฯ สุดารา สุจฉายา ไม่ระบุ สารคดี. ปีที่ 30, ฉบับที่ 354 (ส.ค. 2557), หน้า 148-149 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00088245 บทความนี้เขียนโดยผู้แต่งที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนเซี่ยงไฮ้ เขียนในรูปแบบเรื่องเล่าจากประสบการณ์ชีวิตส่วนตัวและจากการสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ใน “ตรอกเซี่ยงไฮ้” ซึ่งเป็นชุมชนเก่าในกรุงเทพฯ ที่ชาวจีนเซี่ยงไฮ้เคยอยู่อาศัย ชาวจีนเซี่ยงไฮ้ที่อพยพมายังประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกมาจากตัวเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นปัญญาชนที่มีการศึกษาเดินทางมาประกอบธุรกิจในประเทศไทย ส่วนอีกกลุ่มมาจากเมืองหลินโป ส่วนใหญ่มีฝีมือในการทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในตรอกเซี่ยงไฮ้นั่นเอง ผู้เขียนยังได้บรรยายเกี่ยวกับอาหารเซี่ยงไฮ้ดั้งเดิมซึ่งอาจไม่คุ้นตาคนไทยในปัจจุบันมากนัก และได้ทิ้งท้ายเกี่ยวกับชาวจีนเซี่ยงไฮ้ในปัจจุบันว่ามีการแต่งงานข้ามกลุ่มชาติพันธุ์กันไปมากแล้ว ที่เป็นชาวจีนเซี่ยงไฮ้แท้ๆ ก็มีเพียงกลุ่มที่เพิ่งอพยพย้ายถิ่นเข้ามาใหม่นั่นเอง
 
Belonging to the nation: generational change, identity and the Chinese diaspora Gregor Benton and Edmund Terence Gomez ไม่ระบุ Ethnic and racial studies. vol. 37, no. 7 (Jun. 2014), p.1157-1171 http://lib.sac.or.th/Catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00063475 บทความนี้ศึกษาพัฒนาการของอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์และเอกลักษณ์ประจำชาติในกลุ่มทายาทผู้อพยพชาวจีน โดยมีการตั้งคำถามถึงการที่ชนกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับการถูกเลือกปฏิบัติ ดังที่จะเห็นได้จากอัตราการเกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวจีนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยกับชนส่วนใหญ่ในประเทศที่เพิ่มขึ้นเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งๆ ที่ทั่วโลกต่างมีการถกเถียงในประเด็นอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ การถูกกีดกัน และสิทธิพลเมืองของชาวจีนพลัดถิ่นมาโดยตลอด
 
กรุงเทพฯ/สำเพ็ง : หนึ่งเมืองสองนครา เชื้อชาติ สถาปัตยกรรม และชาตินิยมในกรุงเทพฯ ต้นศตวรรษที่ 20 ลอเรณศ์ ฉั่ว ไม่ระบุ อ่าน. ปีที่ 5, ฉบับที่ 1 (ก.ค.-ธ.ค. 2556), หน้า 154-173 http://lib.sac.or.th/Catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00063814 บทความเรื่องนี้ถูกนำเสนอในงานสัมมนา “การเมืองของการวิจารณ์ในเมืองไทย : ศิลปะและวารสารอ่าน” (The politics of criticism in Thailand : Arts and Aan”) จัดโดยโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยคอร์แนล ในปี พ..2555 ผู้เขียนซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและการพัฒนาชุมชนเมือง ได้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมกรุงเทพฯ สมัยต้นศตวรรษที่ 20 ที่ถูกทำให้เหมือนกับว่ามีเมืองสองเมืองซ้อนกัน คือเมืองของชาวจีนอพยพในย่านสำเพ็ง และเมืองของคนไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผ่านเหตุกาณ์สำคัญที่เป็นความขัดแย้งระหว่างชาวจีนและรัฐไทย การสร้างถนนตัดใหม่ที่มีผลกระทบต่อชุมชนชาวจีนในสำเพ็ง การใช้สถาปัตยกรรมเพื่อแบ่งแยกและแสดงความแตกต่างทางเชื้อชาติ และแนวคิดชาตินิยมของรัฐไทยในสมัยนั้น
 
กิจการเหมืองแร่ของชาวจีนในมณฑลภูเก็ต พ.ศ. 2400-2474 พวงทิพย์ เกียรติสหกุล ไม่ระบุ วารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. ปีที่ 19, ฉบับที่ 1-2 (2539-2540), หน้า 71-91 http://lib.sac.or.th/Catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00061437 บทความนี้ปรับปรุงมาจากส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์เรื่อง “บทบาทของชาวจีนและชาวตะวันตกต่อกิจการเหมืองแร่ดีบุกของมณฑลภูเก็ต ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่ 25 – ..2474” การทำเหมืองแร่ดีบุกนับเป็นกิจการที่สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณเมืองฝั่งทะเลตะวันตกหรือที่เรียกว่ามณฑลภูเก็ตในขณะนั้น ซึ่งการทำเหมืองส่วนมากในยุคแรกล้วนแต่เป็นของผู้ว่าราชการเมือง บทบาทของชาวจีนในกิจการเหมืองแร่ก็เริ่มจากการเป็นผู้ใช้แรงงาน จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นผู้ร่วมลงทุนกับผู้ว่าราชการเมือง และเป็นผู้ประกอบการในที่สุด
 
ศาลเจ้าและวัดจีนในกรุงเทพฯ พรพรรณ จันทโรนานนท์ ไม่ระบุ รวมบทความประวัติศาสตร์. ฉบับที่ 8 (ก.พ. 2529), หน้า 195-216 http://lib.sac.or.th/Catalog/ArticleItem.aspx?JMarcID=j00065349 บทความนี้นำเสนอเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาของชาวจีนโพ้นทะเลในกรุงเทพมหานคร โดยมุ่งเน้นเรื่องของวัดจีนและศาลเจ้า เริ่มตั้งแต่เหตุแห่งการสร้างศาลเจ้าและความสำคัญของศาลเจ้าที่มีต่อชุมชนทั้งในประเทศจีนและในเมืองไทย โดยจะเห็นได้ว่าศาลเจ้ามีบทบาทต่อชุมชนทั้งด้านสังคม การศึกษา และการบันเทิง สิ่งที่น่าสนใจอีกประการในบทความนี้คือมีการให้รายละเอียดลักษณะทางสถาปัตยกรรมจีนซึ่งเป็นแบบอย่างสำคัญต่อการสร้างศาสนสถาน รวมทั้งมีประวัติศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนแต่ละภาษาในกรุงเทพฯ อีกด้วย


 
ตัวตนคนแต้จิ๋ว เสี่ยวจิว กรุงเทพฯ : มติชน, 2554 DS570.จ6ส75 2554 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073540 หนังสือเล่มนี้แต่งโดยนักเขียนชาวไทยเชื้อสายแต้จิ๋วที่มีความสนใจในรากเหง้าของตนเอง มีการศึกษาค้นคว้าข้อมูลของชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทย และลงพื้นที่ภาคสนามในเมืองแต้จิ๋ว ประเทศจีน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน อีกทั้งยังใช้ประสบการณ์ชีวิตของตนเองมาผสมผสานและถ่ายทอดเรื่องราวของชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทยได้อย่างลึกซึ้งและเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน วิถีปฏิบัติที่ชาวแต้จิ๋วมีต่อบรรพชน ความเชื่อเรื่องเทพเจ้า รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมต่างๆ ที่บ่งบอกถึงตัวตนของคนแต้จิ๋วได้เป็นอย่างดี


 
ตำนานลูกหลานมังกรในแผ่นดินสยาม กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ กรุงเทพฯ : ลูกบาศก์ห้าสิบสี่, 2560 DS570.จ6 ก632 2560 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00095212
หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติความเป็นมาของชาวจีนที่อพยพเข้ามายังประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน โดยเรียงร้อยเข้ากับเรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมีต่อชาวจีน และบางพระองค์ก็ทรงมีเชื้อสายมาจากชาวจีนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของชุมชนชาวจีนในประเทศไทยที่สำคัญได้แก่สำเพ็ง และเยาวราช ซึ่งทั้งสองชุมชนนี้ถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์และย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทยมาจนถึงปัจจุบัน ชาวจีนขึ้นชื่อว่าเป็นเชื้อชาติที่ไม่ว่าจะอพยพย้ายถิ่นไปอยู่ที่ใด ก็จะยังคงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อทางศาสนาไว้ได้อย่างมั่นคง มีการจัดตั้งสมาคม มูลนิธิ ศาสนสถาน รวมทั้งโรงเรียน เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีจีนให้ได้ส่งต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ดังที่จะปรากฎรายละเอียดในช่วงท้ายของหนังสือเล่มนี้

 
สำเพ็ง : ประวัติศาสตร์ชุมชนชาวจีนในกรุงเทพฯ สุภางค์ จันทวานิช กรุงเทพฯ : ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเซียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559 DS570.จ6 ส63 2559 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00091594 นังสือรวมบทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับย่านชุมชนเก่าที่ชาวจีนย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อครั้งเริ่มตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ในปี พ..2325 ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า “สำเพ็ง” ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนใหม่ผ่านสำเพ็งในช่วงปี พ..2435-2443 ได้มีการพระราชทานชื่อถนนใหม่นี้ว่า “เยาวราช” ซึ่งเป็นชื่อที่คุ้นหูทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในปัจจุบัน นอกจากเรื่องประวัติความเป็นมาของย่านสำเพ็ง ชาวจีน และชาวไทยเชื้อสายจีนแล้ว หนังสือยังได้กล่าวถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ในย่านนี้ทั้งที่เป็นศาสนสถาน โรงเรียน และร้านค้าที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังมีการเพิ่มบทความใหม่เมื่อครั้งตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 อีก 1 บทความชื่อว่า “ชวนชิมในเยาวราช” ซึ่งรวมร้านอาหารอร่อยที่มีชื่อเสียงและเปิดขายมาอย่างยาวนานในย่านเยาวราชนี้เอง
 
ศิลปกรรมรัตนโกสินทร์และภาพสะท้อนความเชื่อของชาวจีนโพ้นทะเล ใน การบรรยายวิชาการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 และเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน เรื่อง "ศิลปกรรมรัต อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, 2558 Audio Visual Materials SAC 000800 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00088963 ประเทศไทยและประเทศจีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าและความสัมพันธ์ทางการฑูตที่สืบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย และยังมีหลักฐานความสัมพันธ์ทางศิลปกรรมที่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ในการบรรยายทางวิชาการนี้ ผู้บรรยายมุ่งประเด็นด้านความสัมพันธ์ทางศิลปกรรมระหว่างสองประเทศในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่สะท้อนวัฒนธรรมของชาวจีนแต่ละกลุ่ม ได้แก่ แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน ไหหลำ แคะ และกวางตุ้ง ตัวอย่างเช่น ศาลเจ้า ที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นศิลปกรรมของชาวจีนในท้องถิ่นใด รวมทั้งวัดพุทธมหายาน และวัดพุทธเถรวาท ที่มีสถาปัตยกรรมและจิตรกรรมที่สะท้อนถึงอิทธิพลของชาวจีนหลากหลายกลุ่มที่เข้ามายังประเทศไทย


 
เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้ ถาวร สิกขโกศล กรุงเทพฯ : มติชน, 2557 DS721.ถ65 2557 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00082016 บทความในหนังสือ “เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้” ส่วนหนึ่งมาจากบทความที่ได้ตีพิมพ์ลงนิตยสารศิลปวัฒนธรรมในปี พ..2549 เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารทั้งไทยและจีนมากกว่า 50 เล่ม และได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมกิจกรรมในเทศกาลสำคัญหลายเทศกาลร่วมกับญาติมิตรที่เมืองแต้จิ๋ว ประเทศจีน จนได้นำความรู้ที่เพิ่มพูนขึ้นจากการศึกษาและประสบการณ์นี้เขียนเรื่องราวเทศกาลจีนที่น่าสนใจมากกว่า 20 เทศกาล ซึ่งเทศกาลทั้งหลายอาจมีความแตกต่างกันตามท้องถิ่นหรือยุคสมัย ไม่มีข้อกำหนดความถูกผิดที่ชัดเจนแน่นอน

 
บันทึกเจริญไชย : คนจีนสยาม เทียมสูรย์ สิริศรีศักดิ์ และศิริณี อุรุนานนท์ กรุงเทพฯ : กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านเจริญไชย, 2556 DS570.จ6บ63 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00081088 หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์ของย่านเจริญไชย ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนในกรุงเทพมหานครที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ในบทที่หนึ่งกล่าวถึงประวัติและการเปลี่ยนแปลงของสังคมชาวจีนในประเทศไทยในภาพรวม ขณะที่บทที่สองเน้นเรื่องคุณค่าของย่านเจริญไชยในมิติต่างๆ และความพยายามที่จะต่อสู้กับการพัฒนาสังคมเมืองที่ไม่เป็นธรรมต่อชุมชน บทที่สามเป็นการนำเสนอประวัติความเป็นมาของบรรพบุรุษของแต่ละครอบครัวในชุมชน โดยเฉพาะด้านการประกอบอาชีพทำกระดาษไหว้เจ้าที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมซึ่งมีเฉพาะในย่านเจริญไชยเท่านั้น บทสุดท้ายเป็นเสียงสะท้อนจากบุคคลภายนอกชุมชนที่เคยได้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตและคุณค่าของย่านเจริญไชย ความสำคัญอีกประการของหนังสือเล่มนี้คือการมีส่วนร่วมของคนเจริญไชยในกระบวนการทำงานผลิตหนังสือ ทั้งในขั้นตอนการวางโครงร่างเนื้อหา การสัมภาษณ์สมาชิกชุมชน การเขียน การถ่ายภาพ ตลอดจนการหาเงินทุนเพื่อตีพิมพ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะพิเศษและความเข้มแข็งของชุมชนในย่านเจริญไชยอย่างแท้จริง


 
ที่เรียกว่าแต้จิ๋ว เสี่ยวจิว กรุงเทพฯ : มติชน, 2556 DS570.จ6ส85 2556 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00078408 หนังสือ “ที่เรียกว่า แต้จิ๋ว” ฉบับนี้ ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและรวบรวมข้อมูลที่ได้รับอนุเคราะห์จากผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความชำนาญเรื่องจีนแต้จิ๋ว มาเรียงร้อยและขยายความให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย มีจุดเด่นที่มีการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันเป็นคำภาษาจีนที่มีความหมายสอดคล้องกับเนื้อหาในตอนนั้นๆ ช่วงต้นของหนังสือกล่าวถึงลักษณะวิถีชีวิตที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อน และการลงทุนทางการเงินในหมู่เพื่อนฝูงของชาวแต้จิ๋ว ต่อมากล่าวถึงความสัมพันธ์ภายในครอบครัว คำสอน มารยาทและวิถีปฏิบัติบางอย่างที่ถ่ายทอดกันจากรุ่นสู่รุ่น ในช่วงสุดท้ายเป็นเรื่องของการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีแบบแต้จิ๋วทั้งในแง่การแสดงพื้นบ้านและกิจกรรมทางศาสนา
 
กบฏจีนจน : บนถนนพลับพลาไชย สิทธิเทพ เอกสิทธิพงษ์ กรุงเทพฯ : มติชน, 2556 DS570.จ6ส735 2555 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00078408 ความรู้เกี่ยวกับชาวจีนในสังคมไทยโดยมากจะอยู่ในกรอบวิธีคิดที่ว่า คนจีนอพยพหนีความยากลำบากมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทำมาค้าขายจนสามารถยกฐานะตนเอง จนกระทั่งมีลูกหลานและตั้งรกรากถาวรอยู่ในประเทศไทย กรอบความคิดเช่นนี้ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากงานเขียนเกี่ยวกับชาวจีนชิ้นสำคัญของ
จี. วิลเลียม สกินเนอร์ เรื่อง “สังคมจีนในประเทศไทย: ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์” แต่ผู้เขียนเห็นว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวของสังคมชาวจีนในแผ่นดินไทยยังมีข้อสังเกตที่แตกต่างและน่าสนใจอีกมาก จึงได้ศึกษาชีวิตของชาวจีนระดับล่างในช่วงทศวรรษ 2500-2510 ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเลื่อนฐานะทางสังคมจากชาวจีนเสื่อผืนหมอนใบไปสู่การเป็นเจ้าสัวได้ อีกทั้งช่วงเวลานี้ยังเกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์จีนในประเทศไทยในหลายๆ ด้าน จนมาถึงจุดที่เกิดเหตุการณ์ “จลาจลพลับพลาไชย พ..2517” ในที่สุด
 
ต้นตำนานลูกหลานจีนในสยาม กิตติ โล่ห์เพชรัตน์ กรุงเทพฯ : ก้าวแรก, 2554 DS570.จ6ก63 2554 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00078808 หนังสือเล่มนี้บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยให้ความสำคัญกับพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมีต่อคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนเสมอมา นอกจากนี้ยังมีประวัติของคนจีนทีมีบทบาทสำคัญในประเทศไทย ย่านชุมชนเก่าแก่ของชาวจีนซึ่งได้แก่สำเพ็งและเยาวราชที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไชน่าทาวน์เมืองไทย เป็นชุมชนที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
 
แต้จิ๋ว : จีนกลุ่มน้อยที่ยิ่งใหญ่ ถาวร สิกขโกศล กรุงเทพฯ : มติชน, 2554 DS570.จ6ถ64 2554 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073568 หนังสือ “แต้จิ๋ว : จีนกลุ่มน้อยที่ยิ่งใหญ่” ปรับปรุงจากบทความที่ผู้เขียนเคยตีพิมพ์ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม โดยปรับให้สั้นและไม่เป็นวิชาการมากเกินไป ผู้เขียนได้บรรยายถึงชาวจีนแต้จิ๋วในแง่ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ในประเทศจีน แต่กลับมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก เนื่องด้วยเป็นชนชาติที่มีความรู้ความสามารถ มีสติปัญญาปราดเปรื่องเป็นอย่างมาก และยังมีจำนวนประชากรมากที่สุดในบรรดาชาวจีนทุกกลุ่มในประเทศไทย ภายในหนังสือเล่มนี้นำเสนออัตลักษณ์ของชาวจีนแต้จิ๋ว ทั้งด้านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตและสังคม รวมทั้งระบบเครือญาติและภาษาของชาวจีนแต้จิ๋วที่เขียนไว้อย่างละเอียดอีกด้วย
 
ศาลเจ้าศาลจีนในกรุงเทพฯ กุลศิริ อรุณภาคย์ นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, 2553 BF1472.ท9ก74 2553 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00071379 หนังสือรวมศาลเจ้าจีนในกรุงเทพฯ เล่มนี้เล่าเรื่องศาลเจ้าจีนที่สำคัญในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 9 แห่ง โดยเท้าความตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชาวจีนในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย โดยจำแนกกลุ่มชาวจีนออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ แต้จิ๋ว แคะ กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน และไหลำ จากนั้นบรรยายถึงความเชื่อและศาสนาของชาวจีน ไปจนถึงรายชื่อศาลเจ้าเก่าแก่ในกรุงเทพฯ มีการแนะนำประวัติการก่อตั้งศาลเจ้า เทพเจ้าองค์สำคัญ สถาปัตยกรรม ตลอดจนพิธีทางศาสนาที่นิยมจัดขึ้นที่ศาลเจ้านั้นๆ
 
60 ปีโพ้นทะเล อู๋จี้เยียะ กรุงเทพฯ : โพสต์บุ๊กส, 2553 DS511.อ72 2553 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070118 อู๋จี้เยียะเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวจีนระดับแนวหน้าของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคสงครามเย็น เจ้าของงานเขียนที่เกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลอันโด่งดังชื่อ “ชีวิตโพ้นทะเล 50 ปี” ในส่วนของหนังสือฉบับนี้เป็นการรวบรวมบทความที่ผู้เขียนได้เขียนและตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ “ซินจงหยวน” ในปีค..1982 เป็นการถ่ายทอดความทรงจำช่วงศตวรรษที่ 20 ของผู้เขียนที่ได้สัมผัสกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนและชาวจีนโพ้นทะเลในตะวันออกเฉียงใต้ตลอดช่วงทศวรรษนี้ รวมทั้งได้บอกเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากประสบการณ์อันคร่ำหวอดที่จะหาอ่านไม่ได้ในตำราประวัติศาสตร์ทั่วไป
 
คนจีนในภูเก็ต ทีวีไทย กรุงเทพฯ : องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย, 2552 Audio Visual Materials CDF 000302 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00069027 สารคดี “คนจีนในภูเก็ต” เป็นตอนหนึ่งในสารคดีชุดคนจีนของรายการพันแสงรุ้ง ที่ออกอากาศผ่านช่องโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเมื่อปีพ..2554 โดยเริ่มเรื่องราวที่พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ซึ่งเป็นโรงเรียนจีนแห่งแรกของภูเก็ต ปัจจุบันเป็นแหล่งค้นคว้าทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชาวจีนภูเก็ตที่สำคัญ จากบันทึกของนักเดินเรือชาวตะวันตกในสมัยกรุงศรีอยุธยากล่าวไว้ว่าภูเก็ตเป็นเมืองที่มีแร่ดีบุกเป็นจำนวนมาก ในปีพ..2407 ชาวจีนจากปีนังและจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางเข้ามาสู่มณฑลภูเก็ตมากถึงราว 8,000 คน ทั้ง เป็นชาวจีนฮกเกี้ยนเกือบ 6,000 คน ส่วนใหญ่เข้ามาเพื่อทำงานเหมืองแร่ ก่อนที่ธุรกิจเหมืองจะปิดฉากลงหลังปีพ.. 2530 ชาวจีนที่อพยพเข้ามาภูเก็ตอีกส่วนหนึ่งประกอบอาชีพค้าขายและทำประมง ปัจจุบันยังมีชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนที่ยังคงทำประมงพื้นบ้านปรากฎให้เห็นไม่มากที่ชุมชนบางเหนียว จากนั้นสารคดีได้พาผู้ชมไปรู้จักถนนถลางซึ่งเป็นย่านการค้าที่คึกคักและมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูเก็ต มีทั้งร้านค้าที่เป็นของชาวมุสลิม ชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และยังมีโบสถ์เก่าของศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ให้เห็นอีกด้วย


 
คนจีนแคะในสยาม ทีวีไทย กรุงเทพฯ : องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย, 2552 Audio Visual Materials CDF 000483 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00069027 สารคดี “คนจีนแคะในสยาม” ถ่ายทอดเรื่องราวของชาวจีนแคะหรือจีนฮากกา ที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาวจีนแคะส่วนใหญ่เข้ามาเพื่อใช้แรงงานฝีมือ เช่น ช่างเย็บผ้าและช่างทำรองเท้า อีกส่วนหนึ่งก็เป็นช่างเครื่อง นักเขียน หรือครูอาจารย์ เนื่องจากตั้งแต่เริ่มย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในกรุงเทพมหานคร ชาวจีนแคะนิยมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและยึดถือการปฏิบัติตนตามธรรมเนียมประเพณีจีน ดังนั้นผู้จัดทำสารดีจึงได้เริ่มต้นค้นหาร่องรอยของชาวจีนแคะจากศาลเจ้าหลีตี้เบี้ยวซึ่งเป็นศาลเจ้าที่ก่อตั้งโดยชาวจีนฮากกา และเป็นที่ตั้งแห่งแรกของสมาคมจีนฮากกาแห่งประเทศไทย รวมทั้งโรงเรียนจีนที่อยู่ในบริเวณนั้น นอกจากนั้นยังได้เดินทางไปยังศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสัมภาษณ์อาจารย์ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “คือฮากกา คือจีนแคะ” เพื่อสอบถามข้อมูลความเป็นมาของชาวจีนแคะในประเทศไทย



 
บ๊เบ๊ ความเปลี่ยนแปลงของระบบครอบครัวชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนกับประวัติศาสตร์ บุญยง ชื่นสุวิมล กรุงเทพฯ : คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2551 DS570.จ6บ73 2551 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00070362 หนังสือนี้มาจากโครงการวิจัยชื่อ “สถาบันครอบครัวของกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตกรุงเทพมหานคร : ระบบครอบครัวและความสัมพันธ์ทางสังคมของคนไทยเชื้อสายจีนในชุมชนโบ๊เบ๊” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัว ความเชื่อ ศาสนา การแต่งงาน การอบรมสั่งสอน การศึกษา การสืบมรดก และระบบแซ่ ของชาวไทยเชื้อสายจีนในชุมชนโบ๊เบ๊ โดยใช้วิธีการวิจัยแบบมานุษยวิทยา โดยยกตัวอย่างกรณีศึกษาครอบครัวในชุมชนโบ๊หลายครอบครัวเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน ผู้เขียนคาดหวังว่างานวิจัยนี้จะต่อยอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสถาบันครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัวและชุมชนในสังคมไทยได้ต่อไป


 
พิธีกรรมและความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายจีนบริเวณลุ่มทะเลสาบสงขลา จากอดีตถึงปัจจุบัน ศุภการ สิริไพศาล และอภิเชษฐ กาญจนดิฐ สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2550 Research and Thesis DS568.ต9ศ74 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00060775 งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับชาวจีนที่มาตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มทะเลสาบสงขลาซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยก่อนรัตนโกสินทร์ เดิมทีมีการสร้างสังคมและคงเอกลักษณ์ของตนตามแบบอย่างบรรพบุรุษ โดยดำเนินไปพร้อมกับการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น จนถึงยุคที่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคมลุ่มทะเลสาบสงขลา เมื่อประเทศไทยประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 ปีพ..2504 พื้นที่บริเวณหาดใหญ่และสงขลาได้ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้าของภาคใต้ มีการพัฒนาพื้นที่ภายใต้ระบบทุนนิยม ชุมชนเมืองขยายตัวอย่างกว้างขวาง มีการสร้างโรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิง เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ล้วนดำเนินการร่วมกับเครือข่ายชาวไทยเชื้อสายจีนแทบทั้งสิ้น ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจมีการขยายตัวเป็นอย่างมาก ขนบธรรมเนียมและประเพณีแบบจีนก็ได้มีการปรับเปลี่ยน ผสมผสานไปกับความเชื่อและประเพณีท้องถิ่น พิธีกรรมหรือกิจกรรมทางศาสนาที่จัดขึ้นในปัจจุบัน บางครั้งก็ไม่อาจแยกได้ชัดเจนว่าเป็นกิจกรรมของคนไทยหรือคนจีน อันเนื่องมาจากการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมระหว่างกันมาอย่างยาวนานนั่นเอง
 
จีนหาดใหญ่ : ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคม ศุภการ สิริไพศาล สงขลา : มหาวิทยาลัยทักษิณ, 2550 DS570.จ6ศ742 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00059144 หนังสือวิชาการฉบับนี้ปรับปรุงเนื้อหามาจากงานวิจัยเรื่อง “ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนชาวจีนเมืองหาดใหญ่จากอดีตถึงปัจจุบัน” เพื่อนำเสนอสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ช่วงการเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อรับเหมาสัมปทานสร้างทางรถไฟเชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างสยามและอาณานิคมมลายูของอังกฤษ จนกระทั่งเมื่อหาดใหญ่กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ ก็มีกลุ่มชาวจีนอพยพเข้ามาเพื่อประกอบธุรกิจการค้ามากขึ้น แม้จะต้องประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยที่มีนโยบายกีดกันทางการค้าและลดบทบาทชาวจีนตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและจอมพลป. พิบูลสงคราม แต่สถานการณ์ก็ได้คลี่คลายและทำให้ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนยังคงมีบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญในบริเวณอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลามาจนถึงปัจจุบัน ในตอนท้ายเล่ม ผู้แต่งได้บรรยายสภาพทางภูมิศาสตร์และสังคมของเมืองหาดใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าชาวไทยเชื้อสายจีนสามารถผสานตัวเองให้เข้ากับสังคม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่แบบสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี

 
วิถีจีน-ไทยในสังคมสยาม แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2550 DS570.จ6ส82 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00051846 หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนมีจุดประสงค์หลักเพื่อใช้สื่อความเข้าใจในวิชาความสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-จีน ที่ผู้เขียนได้สอนแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ทฤษฎีทางวิชาการเพื่อให้มีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ช่วงต้นของหนังสือแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และภูมิหลังของชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย ต่อมาได้กล่าวถึงการผสมผสาน การหลอมรวมทางศิลปวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทยดังที่ปรากฎให้เห็นตามศาสนสถาน หรือเครื่องใช้ในครัวเรือนที่พบเห็นได้ทั่วไป นอกจากเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันแล้ว เมื่อชาวจีนมีการขยายอิทธิพลทางสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นก็ย่อมเกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนชาวจีนและสังคมไทยตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงวิธีแก้ปัญหาที่ไทยได้นำมาใช้ในยุคนั้น ในส่วนท้ายของเล่มกล่าวถึงชาวจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน และองค์กรชาวจีนที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมไทย
 
จากฮวงโหสู่เจ้าพระยา ประภัสสร เสวิกุล กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนพับลิชชิ่ง, 2548 DS575.5.จ6ป46 2548 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00051165 หนังสือเล่มนี้ดำเนินงานโดยการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากงานวิจัย หนังสือ และแหล่งข้อมูลอ้างอิงต่างๆ รวมทั้งมีการศึกษาจากสถานที่จริงทั้งในประเทศไทยและในประเทศจีน เพื่อสะท้อนให้เห็นความเป็นมาของความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและชาวจีน การตั้งถิ่นฐานของชาวจีนในประเทศไทย การผสมกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีน ที่ทำให้คนไทยและคนจีนอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี และยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ไทยมีต่อชาวจีน ซึ่งแตกต่างจากชนชาติอื่นที่เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย เช่น การที่ชาวจีนได้ถูกจัดให้เป็นกลุ่มคนนอกระบบไพร่ คือได้รับการยกเว้นการเกณฑ์แรงงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้เล่าถึงประวัติของชาวจีนกลุ่มต่างๆ ในประเทศไทย ได้แก่ แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ไหหลำ และแคะ ไว้อย่างน่าสนใจ ในบทท้ายของเล่มเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-จีน และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มุ่งมันเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และทรงพระราชนิพนธ์หนังสือบันทึกการเดินทางเมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศจีนไว้ถึง 10 เล่ม
 
จีนโพ้นทะเลสมัยใหม่ ภูวดล ทรงประเสริฐ กรุงเทพฯ : บริษัท แบรนด์เอจ, 2547 DS523.4.จ63ภ74 2547 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00044109 งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งเน้นการวิเคราะห์พัฒนาการด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของชาวจีนโพ้นทะเลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งถือเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจนเป็นจุดหักเหสำคัญของประวัติศาสตร์จีนโพ้นทะเลร่วมสมัย ผู้เขียนซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านจีนโพ้นทะเลศึกษาเป็นระยะเวลากว่า 25 ปีทั้งในฐานะผู้วิจัยและอาจารย์ผู้สอนในสาขาวิชานี้ได้พยายามเสนอองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาต่างๆ ของชาวจีนโพ้นทะเลรวมทั้งลูกหลานชาวจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสะท้อนให้เห็นปฏิสัมพันธ์และปัญหาของชาวจีนในแต่ละประเทศ ตลอดจนสถานภาพและบทบาทของผู้มีเชื้อสายจีนที่มีต่อสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
 
กิจกรรมทางการเมืองของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย (ค.ศ. 1906-1939) เซี่ยกวง กรุงเทพฯ : สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย DS570.จ6ซ82 2546 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00039591 ศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษาจัดให้มีการเขียนและตีพิมพ์หนังสือฉบับนี้เพื่อเผยให้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองของคนจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย ช่วงทศวรรษ 1906-1939 หนังสือฉบับนี้เขียนโดยนักหนังสือพิมพ์และนักเขียนชาวจีนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลเกี่ยวกับชาวจีนในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาแง่การเมืองเกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลในไทย ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในจีนจากระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบสาธารณรัฐ จากระบอบสาธารณรัฐเป็นคอมมิวนิสต์ และขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
 
The overseas Chinese :ลอดลายมังกรโพ้นทะเล ภูวดล ทรงประเสริฐ กรุงเทพฯ : Thaicoon Book, 2545 DS570.จ6ภ75 2545 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00048301 หนังสือรวมบทความนี้เขียนโดยนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านชาวจีนโพ้นทะเล ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าในประเด็นนี้มาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 ปี อย่างไรก็ตามบทความต่างๆ ที่เขียนขึ้นก็เพื่อตีพิมพ์ในนิตยสารจึงมีลักษณะสั้นกระชับ ดังนั้นเมื่อมีการรวมเล่มเป็นหนังสือผู้เขียนจึงได้เพิ่มเชิงอรรถและบรรณานุกรมให้มีความสมบูรณ์ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าในบางประเด็นให้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องประวัติศาสตร์ดินแดนแถบเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ในยุคที่ชาวตะวันตกออกล่าอาณานิคมเพื่อช่วงชิงเครื่องเทศตั้งแต่หลังคริสต์ศตวรรษที่ 8 จนเป็นผลให้มีการนำเข้าแรงงานจากจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อเป็นแรงงานในภาคเกษตรและกิจการอื่นๆ ของประเทศเจ้าอาณานิคม ต่อมาชาวจีนพ้นทะเลจึงเริ่มตั้งถิ่นฐานตามประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อใช้แรงงาน หรือประกอบธุรกิจจนปลายทศวรรษ 1970 ก็มีการระดมทุนจากชาวจีนโพ้นทะเลเพื่อนำกลับไปใช้ในแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย


 
สำเภาสยาม ตำนานเจ๊กบางกอก พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์, 2544 DS570.จ6 พ64 2544 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00029504 สำเภาสยาม ตำนานเจ๊กบางกอก” ฉบับนี้เล่าเรื่องราวของ “เจ๊ก” หรือชาวจีนที่ตั้งรกรากในกรุงเทพมหานครหรือเมืองบางกอกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คำว่า “เจ๊ก” ในที่นี้ไม่ได้มีความหมายเชิงเหยียดหยามดูแคลนแต่เป็นเพียงชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์จีนที่นิยมใช้กันเท่านั้น ผู้เขียนในฐานะที่เป็นลูกหลานชาวจีนในกรุงเทพฯ มีความชื่นชอบในการถ่ายภาพศาสนสถานแบบจีนจนเกิดเป็นความสนใจใคร่รู้ และต้องการที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ สังคม ชุมชนของชาวจีนในอดีตให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการศึกษาประวัติของบุคคลและชุมชนที่มีส่วนในการสร้างศาสนสถานต่างๆ ในเมืองบางกอก ตลอดจนชาวจีนที่มีความสำคัญด้านอื่นๆ ในประวัติศาสตร์สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังได้รวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและภาพถ่ายประกอบเนื้อหามานำเสนอได้อย่างน่าอ่าน


 
จากอาสำถึงหยำฉ่า : ตำนานคนกวางตุ้งกรุงสยาม ยุวดี ต้นสกุลรุ่งเรือง กรุงเทพฯ : ร้านนายอินทร์, 2543 DS570.จ6ย75 2543 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00023817 หนังสือสารคดีเล่มนี้เล่าเรื่องราวของคนจีนกวางตุ้งซึ่งถือได้ว่าเป็นคนจีนกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยเน้นไปที่การประกอบอาชีพต่างๆ ทั้งช่างฝีมือ พ่อครัว อาสำซึ่งหมายถึงคนรับใช้ตามบ้าน และหยำฉ่าซึ่งก็คือหญิงโสเภณีนั่นเอง ถึงแม้คนจีนกวางตุ้งในประเทศไทยจะมีจำนวนไม่มากเท่าคนจีนแต้จิ๋วแต่ก็พอจะมีหลายคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพและสามารถสร้างชื่อเสียงทางธุรกิจให้ตนเองได้ เรื่องราวของชาวจีนกวางตุ้งและชาวไทยเชื้อสายจีนกวางตุ้งในหนังสือสารคดีนี้ ผู้เขียนได้ใช้ข้อมูลจากการค้นคว้าเอกสารทางประวัติศาสตร์และประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะที่เป็นลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีน มาเล่าสู่กันฟังด้วยสำนวนโวหารที่น่าสนใจชวนอ่าน
 
ชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทยและในภูมิลำเนาเดิมที่เฉาซันสมัยที่สอง ท่าเรือซ่านโถว (พ.ศ.2403-2492 หรือ ค.ศ.1860-1949)  วรศักดิ์ มหัทธโนบล และสุภางค์ จันทวานิช กรุงเทพฯ : สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2539 DS570.C5ช65 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00007808 รายงานการวิจัยฉบับนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยช่วงปีพ.. 2403 ซึ่งประเทศจีนได้เริ่มเปิดเมืองท่าใหญ่เพื่อการค้าเสรี จนถึงช่วงเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีพ.. 2492 เนื้อหาในรายงานการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกพูดถึงการอยพยพย้ายถิ่นของชาวจีนไปยังต่างประเทศ สาเหตุของการอพยพและบทบาททางเศรษฐกิจของชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทย ส่วนที่สองเน้นเรื่องผลกระทบจากการหลั่งไหลเข้ามาของชาวจีนแต้จิ๋วที่มีต่อสังคมไทย รวมทั้งอิทธิพลของสังคมไทยที่มีต่อผู้อพยพ และในส่วนสุดท้ายเป็นชีวประวัติของชาวจีนแต้จิ๋วในหลากหลายยุคสมัย ผู้เป็นต้นตระกูลที่เป็นที่รู้จักอย่างดีในประเทศไทย
 
เจ๊กศักดินา  กฤช สมบัติศิริ กรุงเทพฯ : แก้วประกาย, 2529 DS570.จ6ก425 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038512 หนังสือเรื่อง “เจ๊กศักดินา” มีจุดเริ่มต้นมาจากเกร็ดชีวิตของตัวผู้เขียนเอง เนื่องจากผู้เขียนเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่รับราชการและมีครอบครัวที่ประกอบอาชีพค้าขาย จึงสามารถวิเคระห์ข้อมูลและเปรียบเทียบเรื่องราวของชาวไทยเชื้อสายจีนได้ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและเชิงเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี บทเริ่มต้นของหนังสือกล่าวถึงต้นกำเนิดของชาวจีนในประเทศไทย ที่มีการติดต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ทางการค้ามากกว่าการรบพุ่งเหมือนดังชนชาติอื่นๆ และได้มีการอธิบายนิยามของคำว่า “เจ๊ก” ว่าเป็นคำที่คนไทยใช้เรียกคนจีนที่ประกอบอาชีพรับจ้างใช้แรงงาน หรือขายของตามท้องถนน ซึ่งมีความหมายในเชิงลบ ส่วนคำว่า “ศักดินา” ก็หมายถึงระบบศักดินาที่ใช้กับบรรดาขุนนางและข้าราชการของไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คำว่า “เจ๊กศักดินา” จึงหมายถึงกลุ่มคนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนที่มีการปรับเปลี่ยนจากการประกอบอาชีพค้าขายมารับตำแหน่งทางราชการ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าได้เป็นอย่างมาก
 
ชาวจีนในประเทศไทย ขจัดภัย บุรุษพัฒน์ และคนอื่นๆ [กรุงเทพฯ : แพร่พิทยา, 2517] http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00012753 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00012753 หนังสือเล่มนี้เป็นการรวมบทความเกี่ยวกับชาวจีนในประเทศไทยโดยผู้เขียนหลายท่าน โดยเริ่มจากการบอกเล่าประวัติความเป็นมาของชาวจีนในประเทศไทยที่ส่วนใหญ่อพยพมาจากตอนใต้ของจีน ซึ่งในระยะแรกเป็นการเดินทางมาด้วยจุดประสงค์ด้านการค้า และการแสวงหาที่ทำกิน ต่อมาในช่วงปีพ..1822 เมื่อสิ้นราชวงศ์ซ้องภาคใต้ ก็ได้ปรากฎว่ามีกลุ่มชาวจีนจำนวนมากอพยพมายังประเทศไทยด้วยเหตุผลทางการเมืองอีกด้วย ถึงแม้ว่าชาวจีนส่วนใหญ่ที่เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยจะมุ่งเน้นด้านการทำมาค้าขายเป็นหลัก แต่บางช่วงเวลาก็สร้างผลกระทบต่อการเมืองและสังคมไทยได้เช่นกัน เช่นการจัดตั้งสมาคมลับเพื่อดำเนินการในเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายเป็นครั้งแรกในปีพ..2390 ซึ่งต่อมาได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ในช่วงท้ายของเล่มได้กล่าวถึงการจัดตั้งโรงเรียนจีนหลายแห่ง เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรมจีนให้ลูกหลาน ดังจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าชาวจีนจะอพยพไปอยู่ที่ใดก็จะยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ไว้ได้อย่างเข้มแข็ง
 
บทบาทชาวจีนในประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พลกูล อังกินันทนท์ [กรุงเทพฯ] : แผนกวิชาประวัติศาสตร์ วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร, 2515 DS570.จ6พ42 2515 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016253 ปริญญานิพนธ์ฉบับนี้ได้เขียนเรื่องราวของชาวจีนในแง่ของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม การศึกษา และการเมือง ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งปรากฎว่ามีการรวมกลุ่มเป็นสมาคมลับอั้งยี่ โดยเดิมทีตั้งขึ้นเพื่อปกป้องชาวจีนจากการถูกข่มเหงรังแก ต่อมาได้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนรวมทั้งมีการดำเนินกิจการที่ขัดต่อกฎหมายของไทย เช่น การค้าฝิ่น การเรี่ยไรเงินค่าคุ้มครอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีพ..2453 ซึ่งนับเป็นช่วงท้ายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวจีนในกรุงเทพฯ ได้มีการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ สร้างความตื่นตระหนกและความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากกิจการหลายอย่างที่อยู่ในความครอบครองของชาวจีนได้หยุดชะงักไป ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ด้วยหวังว่าผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะสามารถนำแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดในอดีต มาใช้เป็นแนวทางเพื่อแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในยุคปัจจุบัน
 
50 years of the Chinese community in Singapore Pang Cheng Lian New Jersey : World Scientific, [2016] DS610.25.C5 A14 2016 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00093445 หนังสือชุดฉลอง 50 ปีประเทศสิงคโปร์เล่มนี้ แบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วน เนื้อหาส่วนแรกกล่าวถึงองค์กรทางการค้าของชาวจีนในประเทศสิงคโปร์ และการดำเนินงานตลอด 5 ทศวรรษที่ผ่านมา เนื้อหาส่วนที่สองเป็นเรื่องของชุมชนส่วนหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับชุมชนชาวจีนในสิงคโปร์ในช่วง 50 ปีแรก โดยรวมถึงวิวัฒนาการของภาษาจีน การผสานเข้ากับกลุ่มผู้อพยพใหม่จากประเทศจีน และอิทธิพลทางศาสนาของชาวจีน ส่วนที่สามเป็นการตามรอยพัฒนาการของศิลปะวัฒนธรรมจีนที่ยังคงได้รับการสืบสานในประเทศสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน ตัวอักษรภาษาจีน ศิลปะการแสดง และดนตรี ในส่วนสุดท้ายของเล่มมุ่งประเด็นไปที่ปฏิสัมพันธ์ของชุมชนชาวจีนกับประเทศสิงคโปร์ และประเทศสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางของชุมชนชาวจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
A history of the Thai Chinese Jeffery Sng and Pimpraphai Bisalputra Singapore : Editions Didier Millet, 2015 DS570.C5P56 2015 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00088245 ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีชาวจีนอพยพมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมีการแต่งงานกับสตรีชาวไทยจึงเกิดเป็นครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ผู้เขียนเริ่มช่วงต้นของหนังสือด้วยการลำดับประวัติของราชวงค์จีนและราชอาณาจักรไทย รวมทั้งนำเสนอแผนที่เส้นทางการค้าจากประเทศจีนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย จากนั้นเป็นเรื่องของชาวไทยเชื้อสายจีนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก และประเทศจีนก็ยังเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทยในยุคนั้น ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ชาวจีนได้อพยพเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาลและมีอิทธิพลในแทบทุกกิจการของไทย หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการธนาคารโดยได้รับความร่วมมือจากชาวไทยเชื้อสายจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นนำของประเทศ ในยุคปัจจุบันครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีชื่อเสียง ในขณะที่บางคนเข้ามาทำงานการเมืองและมีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศ
 
Great Peranakans : fifty remarkable lives Alan Chong Singapore : Asian Civilisations Museum, [2015] DS610.25.P47G74 2015 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00087612 เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการที่จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตของชาวเปรานากันหรือที่ในเมืองไทยเรียกว่าบาบ๋า-ย่าหยา จำนวน 50 คน ที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศสิงคโปร์ในอดีต โดยมีบุคคลสำคัญทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ บุคคลในแวดวงวรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรม และสตรีที่มีบทบาทน่าสนใจแต่ไม่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์มากนัก นิทรรศการนี้จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์เปอรานากัน ประเทศสิงคโปร์เมื่อปีพ..2558 ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีประเทศสิงคโปร์
 
Diaspora at war : the Chinese of Singapore between empire and nation, 1937-1945 Ernest Koh Leiden; Boston : Brill, 2013 DS610.25.C5K64 2013 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00087549 หากพูดถึงการเขียนเกี่ยวกับช่วงสงครามในอดีตของสิงคโปร์นั้น โดยมากก็จะหนีไม่พ้นเรื่องการรุกรานและเข้ายึดครองเกาะสิงคโปร์ของประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนจะทำให้เห็นภาพของยุคสงครามที่กว้างออกไปทั้งในแง่ภูมิศาสตร์และขอบเขตด้านเวลา ทั้งในเรื่องสงครามจีน-ญี่ปุ่นและชาวจีนพลัดถิ่นในดินแดนมลายู ด้วยการค้นคว้าข้อมูลจากประวัติศาสตร์บอกเล่าและเอกสารจดหมายเหตุจำนวนมาก ผู้เขียนได้ค้นพบมิติใหม่ของความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนและอยู่ภายใต้ประวัติศาสตร์แห่งชาติที่ไม่ได้รับการเปิดเผย
 
'Window's of the Phuket Baba wedding Pranee Sakulpipatana Phuket : Thai Peranakan Association, 2010 DS595.2.C5 P73 2010 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00095486 บาบ๋า-ย่าหยาคือกลุ่มคนรุ่นลูกรุ่นหลานของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมาจากประเทศจีนและแต่งงานกับคนพื้นเมืองในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และภูเก็ต หากเป็นผู้ชายจะเรียกว่าบาบ่า และหากเป็นผู้หญิงจะเรียกว่าย่าหยา ขณะที่ในประเทศสิงคโปร์จะเรียกลูกหลานชาวจีนกลุ่มนี้ว่าเปอรานากัน ในประเทศไทยปรากฎว่ามีการเรียกทั้ง 2 แบบแต่ก็นิยมเรียกว่าบาบ๋า-ย่าหยาเสียมากกว่า หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมภาพถ่ายพิธีแต่งงานของชาวบาบ๋า-ย่าหยาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งงานแต่งงงานถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวบาบ๋า-ย่าหยาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นชาวบาบ๋า-ย่าหยาจึงให้ความสำคัญกับพิธีแต่งงานและบันทึกภาพถ่ายไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งหนังสือเล่มนี้ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีแต่งงาน ทั้งในเรื่องของพิธีการ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอาหารที่ใช้จัดเลี้ยงในงานเฉลิมฉลอง รวมทั้งความพยายามอนุรักษ์และฟื้นฟูประเพณีแต่งงานแบบบาบ๋า-ย่าหยาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมและกระแสความนิยมแบบยุโรปสมัยใหม่ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
 
The Chinese Émigrés of Thailand in the twentieth century Disaphol Chansiri Youngstown, N.Y. : Cambria Press, c2008 DS570.C5C43 2008 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00072805 หนังสือเล่มนี้พัฒนามาจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของผู้เขียน ที่ได้ศึกษานโยบายท้องถิ่นของไทยที่มีผลกระทบกับชาวจีนในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และนโยบายการผสมกลมกลืนทางชาติพันธุ์ที่รัฐบาลไทยมีต่อชาวจีนอพยพ หนังสือเล่มนี้ยังได้วิเคราะห์ข้อถกเถียงของ G.William Skinner รวมทั้ง Chan Kwok Bun และ Tong Chee Kiong ในประเด็นเกี่ยวกับการผสมกลมกลืนของชาวจีนอพยพกับสัมคมไทย ซึ่งผู้เขียนสนับสนุนทฤษฎีของ Skinner ที่ว่าลูกหลานชาวจีนอพยพโดยมากในแต่ละรุ่นนั้น จะมีการผสานกลืนเข้ากับผู้คนและสังคมท้องถิ่นของไทย จนไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้ในที่สุด ทฤษฎีนี้ขัดกับข้อสมมุติฐานของ Chan และ Tong ซึ่งยืนยันว่าชาวจีนในประเทศไทยจะสามารถรักษาอัตลักษณ์ของตนเองเอาไว้ได้โดยไม่ถูกกลืนกินไปบทบาทชาวจีนในประเทศไทย
 
Sampheng : Bangkok's Chinatown inside out Edward Van Roy Bangkok : Chinese Studies Center, Institute of Asian DS570.C5R69 2007 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00051971 หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อต้องการอธิบายภาพของไชน่าทาวน์แห่งกรุงเทพมหานครให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวต่างชาติ เพื่อให้เข้าใจถึงวิถีชีวิต พิธีกรรม และความเชื่อของชาวจีนในย่านนี้ว่าไม่ได้เป็นเพียงชุมชนผู้อพยพที่มีวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนเองเท่านั้น แต่ยังมีปฏิสัมพันธ์และการปรับตัวให้เข้ากับผู้คนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ก่อน โดยมีเนื้อหาครอบคลุมพื้นที่สำเพ็งและถนนโดยรอบ มีการกล่าวถึงความเป็นอยู่ สถานที่สำคัญ ลักษณะการค้าขายหรือการประกอบอาชีพของคนในย่านนั้นไว้อย่างครบถ้วน
 
Chinese overseas : migration, research and documentation Tan Chee-Beng, Colin Storey, Julia Zimmerman Hong Kong : Chinese University Press, c2007 DS732.I564 2007 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00066113 หนังสือเล่มนี้นำเสนอบทความที่คัดเลือกจากการประชุมนานาชาติ ในประเด็นศึกษาเรื่องชาวจีนโพ้นทะเลในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาเหนือ รวมทั้งแอฟริกาใต้และประเทศคิวบา เป็นความพยายามในการทำงานร่วมกันของนักวิชาการและบรรณารักษ์ในการพิเคราะห์ข้อมูลโดยการค้นคว้าและเรียบเรียงจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เอกสารจดหมายเหตุ และข้อมูลต่างๆ ในห้องสมุด นอกจากนี้ยังนำเสนอเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อการบริหารที่ใช้ในการบริหารจัดการงานวิจัย สิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ ที่สำคัญและเกี่ยวข้อง การอนุรักษ์และเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศเพื่อการวิจัย โดยยกตัวอย่างกรณีศึกษาจากสถาบันวิจัยต่างๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและการทำวิจัยเป็นอย่างมาก


 
Beyond Chinatown : new Chinese migration and the global expansion of China Mette Thun Copenhagen : NIAS ;Abingdon : Marston [distributor], 2007 DS732.B49 2007 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057362 บทความในหนังสือเล่มนี้เป็นเนื้อหาจากการประชุม International Society of Chinese Overseas (ISSCO) ครั้งที่ 5 ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในปีพ..2547 ที่มีการอภิปรายเปรียบเทียบสถานภาพของชาวจีนอพยพทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและในอดีต ช่วงต้นของหนังสือกล่าวถึงลักษณะเฉพาะของชาวจีนโพ้นทะเลที่มีความแตกต่างจากผู้อพยพกลุ่มอื่นๆ ต่อมาได้กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมต่อประเทศเจ้าบ้านที่ผู้อพยพชาวจีนอยู่อาศัย และในช่วงท้ายเป็นประเด็นการขยายตัวของผู้อพยพชาวจีนในประเทศต่างๆ การอยู่อาศัยร่วมกันกับประชากรพื้นเมืองของประเทศ ตลอดจนการรักษาอัตลักษณ์ของชาวจีนท่ามกลางกระแสโลกพหุวัฒนธรรม โดยมีการรวบรวมทฤษฎีและข้อมูลเชิงประจักษ์ใหม่ๆ มาใช้ในการวิเคราะห์
 
From the Yellow River to the Chao Phraya River Prapassorn Sevikul Bangkok, Thailand : Kasikornbank Ltd., 2005 DS575.5.C5P73 2005 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00044985 หนังสือ “From the Yellow River to the Chao Phraya River” จัดพิมพ์เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงมีคุณูปการต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พรรษา 2 เมษายน 2548 มีฉบับที่ตีพิมพ์เป็นภาษาไทยชื่อว่า “จากฮวงโหสู่เจ้าพระยา” ข้อมูลภายในหนังสือฉบับนี้รวบรวมมาจากหนังสือ เอกสารวิจัย แหล่งข้อมูลอ้างอิงต่างๆ รวมทั้งการลงพื้นที่ภาคสนามทั้งในประเทศไทยและประเทศจีนของทีมผู้เขียน เนื้อหาภายในเล่มครอบคลุมเรื่องราวพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน วิถีชีวิต ศิลปกรรม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนความเชื่อที่ได้รับการสืบสานและถ่ายทอดจากแผ่นดินแม่จนถึงชาวจีนในประเทศไทย ซึ่งล้วนมีบทบาทต่อความสำเร็จในการดำรงอยู่ร่วมกันของชาวไทยและชาวจีน

 
Chinese overseas : comparative cultural issues Tan Chee-Beng Hong Kong : Hong Kong University Press , c2004 DS539.C5T36 2004 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00072541 ในหนังสือเรื่องชาวจีนโพ้นทะเลเล่มนี้ ผู้เขียนได้ศึกษาเปรียบเทียบชาวจีนในประเทศมาเลเซีย กับสังคมชาวจีนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศจีน และฝั่งตะวันตก และตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมือน ความแตกต่าง ความพยายามที่จะสืบสานวัฒนธรรมจากบรรพบุรุษในขณะเดียวกันก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามกาลเวลา ซึ่งความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับชุมชนดั้งเดิมถือเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ชาวจีนพลัดถิ่นสามารถเข้าไปอยู่อาศัยในประเทศต่างๆ ได้ทั่วโลก อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ
 
Rites of belonging : memory, modernity, and identity in a Malaysian Chinese community Jean DeBernardi Stanford, Calif. : Stanford University Press, 2004 DS595.2.C5D43 2004 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00071957 หนังสือเล่มนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกให้ความสนใจเหตุการณ์สำคัญระหว่างชาวจีนและอังกฤษที่เกิดขึ้นในรัฐอาณานิคมปีนัง ประเทศมาเลเซีย ผู้แต่งได้วิเคราะห์เหตุการณ์ความขัดแย้งและการจราจลที่วัดกวนยิน เมืองจอร์จทาวน์ ในปีค..1857 ซึ่งนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มภราดรภาพที่เป็นสมาคมลับของชาวจีน ด้วยข้อหาทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของสหราชอาณาจักรผู้เป็นเจ้าอาณานิคมของมาเลเซีย เนื้อหาส่วนที่สองเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนาและนโยบายการฟื้นฟูอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของชาวจีนที่มีการปรับเปลี่ยน ผสมผสานไปกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและวัฒนธรรมตะวันตกไปบ้างในยุคสมัยใหม่ของรัฐอาณานิคมปีนัง
 
Ethnic relations and nation-building in Southeast Asia : the case of the ethnic Chinese Leo Suryadinata Singapore : Singapore Society of Asian Studies : Institute of Southeast Asian Studies, 2004 DS523.4.C45E84 2004 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00040800 หนังสือเล่มนี้วิเคราะห์เรื่องราวความสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์และเชื้อชาติของกลุ่มชาติพันธุ์จีน ที่มีบทบาทต่อการสร้างชาติในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นการรวมกลุ่มกันของนักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผู้เชี่ยวชาญด้านชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน มาร่วมกันพิเคราะห์ข้อมูลในประเด็นสำคัญๆ ได้แก่ การเมืองเรื่องชาติพันธุ์ การสร้างชาติ นโยบายรัฐ และการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ โดยนำเสนอจากหลากหลายมุมมองทางชาติพันธุ์ที่แต่ละคนได้ศึกษามาอย่างยาวนาน นั่นทำให้หนังสือเล่มนี้มีความแตกต่างและน่าสนใจเป็นอย่างมาก
 
Don't leave home : migration and the Chinese Wang Gungwu DS732.W3462 2001 Stanford, Calif. : Stanford University Press, 2004 DS732.W3462 2001 หนังสือรวมบทความนี้เป็นหนังสือลำดับที่ 1 จากจำนวน 4 เล่มของหนังสือชุด “China and Chinese diaspora” เป็นการรวบรวมบทความเกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลของผู้เขียนที่ตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์วิชาการต่างๆ ช่วงทศวรรษ 1990 เนื้อหาโดยรวมของหนังสือกล่าวถึงการอพยพย้ายถิ่นของชาวจีนกว่า 25 ล้านคนไปยังประเทศต่างๆ ตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเน้นพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นก็มีการกล่าวถึงชาวจีนที่ไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่อื่นของทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือด้วยเช่นกัน ในช่วงท้ายเล่มเป็นการสรุปเรื่องชาวจีนโพ้นทะเลศึกษา ทั้งในด้านประวัติและแนวโน้มในอนาคตของการศึกษาเนื้อหาประเด็นนี้
 
Education, identity construction and national integration in an ethnic community : a case study of Yunnanese Chinese in Ban Tham Santisuk Village, Mae Sai District, Chiang Rai Province Sachiko Nakayama Thesis presented to the Graduate School for the degree of Master of Arts in Regional Studies, Chiang Mai University, 2003 Research and Thesis DS570.C5N35 2003 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00036780 งานวิจัยเชิงคุณภาพนี้เป็นการศึกษาผลกระทบจากการบูรณาแห่งชาติที่รัฐบาลไทยมีต่อกลุ่มชาติพันธุ์จีนยูนนานในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยศึกษานโยบายและความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มก๊กมินตั๋งยูนนานในอดีต ตลอดจนกระบวนการสร้างตัวตน การดำรงอยู่ของวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มภายใต้นโยบายรวมชาติของไทย โดยที่โรงเรียนจีนในชุมชนมีบทบาทสำคัญในการรักษาและส่งเสริมให้วัฒนธรรมจีนยูนนานมีความเข้มแข็งในขณะที่ผู้คนก็ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสังคมไทยเช่นกัน
 
A phonological study of the Meixian Hakka dialect in Bangkok, Thailand, in comparsion with Hashimoto's study of the Meixian Hakka dialect in China. Wandee Saengtummachai Thesis presented for Faculty of Graduate Studies, Mahidol University, 2003 Research and Thesis DS731.H3W36 2003 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00033060 ภาษาฮากกาหรือภาษาจีนแคะเป็นหนึ่งในภาษาท้องถิ่นของจีนที่ยังมีใช้ในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน รวมทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ภาษาจีนแคะเหมยเสี้ยนในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ถือว่าเป็นภาษามาตรฐานของชาวจีนแคะ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ศึกษาเปรียบเทียบระบบเสียงภาษาจีนแคะเหมยเสี้ยนในประเทศจีนซึ่งฮาชิโมโตเคยได้ศึกษาไว้ กับจีนแคะเหมยเสี้ยนที่ใช้ในกรุงเทพมหานคร ทั้งในเรื่องหน่วยเสียงพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และโครงสร้างพยางค์
 
Chinese migrants abroad :cultural, educational, and social dimensions of the Chinese diaspora Michael W. Charney, Brenda S. A. Yeoh and Tong Chee Kiong Singapore : Singapore University Press, National DS732.C45 2003 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00032736 หนังสือเล่มนี้เป็นผลลัพธ์จากการประชุมนานาชาติเรื่องสังคมผู้อพยพและการศึกษาสมัยใหม่ จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ในปีคริสต์ศักราช 2000 ซึ่งได้แบ่งเนื้อหาภายในเล่มออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกกล่าวถึงความเป็นคนจีนโพ้นทะเล ลักษณะเฉพาะของชาวจีนและเอกลักษณ์ของชุมชนชาวจีนอพยพในประเทศอื่น รวมทั้งกลุ่มที่เดินทางกลับไปยังฮ่องกง ส่วนที่สองเป็นเรื่องการศึกษาของชาวจีนโพ้นทะเล โดยนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบระหว่างการศึกษาแบบจีนและการศึกษาแบบตะวันตก ส่วนสุดท้ายกล่าวถึงการผสานวิถีชีวิตของชาวจีนโพ้นทะเลกับสังคมท้องถิ่น ทั้งในเรื่องของภาษา การศึกษา การประกอบอาชีพ รวมทั้งด้านวัฒนธรรม หนังสือเล่มนี้จึงไม่เพียงแค่กล่าวถึงชาวจีนในแง่ของการเป็นผู้อพยพเท่านั้น แต่ยังเจาะลึกเกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับสังคมท้องถิ่นที่มีความแตกต่างจากสังคมเดิมของชาวจีนอีกด้วย
 
Alternate identities : the Chinese in contemporary Thailand Tong Chee Kiong and Chan Kwok Bun Singapore : Times Academic Press ;Boston, MA : Brill, 2001 DS570.C5A47 2001 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00061736 หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรกจากหนังสือชุด “Asian social science series” ซึ่งจะตอบคำถามที่ว่าชาวจีนในประเทศไทยคือใคร นักมานุษวิทยาและนักสังคมวิทยาได้มีการถกเถียงกันว่าชาวจีนในประเทศไทย คือกลุ่มคนที่มีการปรับตัวเป็นคนไทย หรือเป็นเพียงแค่ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยมีการพูดถึงประวัติความเป็นมา อัตลักษณ์ของชาวจีนในประเทศไทย การตั้งถิ่นฐาน การสมรสและบทบาทของชาวจีนต่อสังคมไทยสมัยใหม่ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและวัฒนธรรมประเพณี เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เผยให้เห็นว่าชาวจีนได้ปรับสถานภาพและอัตลักษณ์ของตนอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงสร้างสังคมของประเทศไทยอย่างไร
 
The Chinese vegetarian festival in Phuket : religion, ethnicity and tourism on a Southern Thai Island Erik Cohen Bangkok : White Lotus, c2001 GT2400.C64 2001 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00028737 เทศกาลกินเจภูเก็ตถือเป็นเทศกาลทางศาสนาในภาคใต้ของประเทศไทยที่มีชื่อเสียง ผู้เขียนได้ต่อยอดงานเขียนนี้มาจากการทำงานภาคสนามของตนเองในช่วงทศวรรษ 1990 โดยมุ่งวิเคราะห์ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างการจัดงานเทศกาลกินเจ กลุ่มชาติพันธุ์จีนในประเทศไทย และการพัฒนาการท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้เทศกาลกินเจจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างและมีผู้เข้าร่วมเทศกาลมากมายในปัจจุบันจนดูเหมือนเป็นกิจกรรมทางการค้าหรือการท่องเที่ยว แต่รากฐานสำคัญของตำนานความเชื่อแบบจีนก็ยังคงอยู่ เป็นการแสดงออกทางศาสนาที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหนแม้กระทั่งในประเทศจีนเอง


 
Only connect! : Sino-Malay encounters Wang Gungwu Singapore : Times Academic Press, 2001 DS595.2.C5W35 2001 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00061776 หนังสือรวมบทความนี้เป็นหนังสือลำดับที่ 2 จากจำนวน 4 เล่มของหนังสือชุด “China and Chinese diaspora” บรรยายถึงความพยายามของกลุ่มชาติพันธุ์จีนในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กับชาวมาเลย์ท้องถิ่น ท่ามกลางความแตกต่างทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการเมืองจนเป็นผลสำเร็จ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 เมื่อประเทศจีนมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างเป็นทางการกับอาณาจักรมลายู
 
Chinese populations in contemporary Southeast Asian societies : identities, interdependence, and international influence M. Jocelyn Armstrong, R. Warwick Armstrong and Kent Mulliner. Richmond : Curzon, 2001 DS523.4.C45C45 2001 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00031634 ประชากรชาวจีนที่อาศัยอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 25 ล้านคน นับเป็นร้อยละ 85 ของประชากรจีนที่อยู่นอกประเทศจีนทั้งหมด โดยมีการตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนที่เห็นได้ชัดอยู่ในทุกประเทศของภูมิภาคนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่นักวิจัยจะให้ความสนใจศึกษากลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในประเด็นเรื่องสถานภาพทางสังคมและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์เป็นอย่างมาก ภายในหนังสือได้อธิบายภาพรวมของสถิติประชากร ประวัติศาสตร์ และบริบททางเศรษฐกิจของชาวจีนที่อยู่อาศัยและมีอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการยกตัวอย่างกรณีศึกษากลุ่มธุรกิจและองค์กรทางการค้าที่เป็นกิจการของชาวจีน นอกจากนั้นก็ยังได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบในเรื่องของศาสนาและสังคมของชาวจีนกลุ่มย่อย ที่มีผลต่อท้องถิ่นนั้นๆ ไปจนระดับภูมิภาค และระดับโลก
 
The encyclopedia of the Chinese overseas Lynn Pan Singapore : Archipelago press, 1998 Reference Books DS732.E53 1998 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015224 สารานุกรมชาวจีนโพ้นทะเลเล่มนี้รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับชาวจีนที่อพยพไปตั้งถิ่นฐานในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก โดยนักวิชาการและนักเขียนผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมากกว่า 50 คน เนื้อหาของสารานุกรมเล่มนี้ครอบคลุมเรื่องราวของชาวจีนพลัดถิ่นตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการอพยพย้ายถิ่นของชาวจีนจากมณฑลต่างๆ ลักษณะของการอพยพ การก่อตั้งองค์กรต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีนโพ้นทะเลกับประเทศที่ไปอยู่อาศัยรวมทั้งกับประเทศจีนเอง ส่วนสุดท้ายของเล่มเป็นข้อมูลชุมชนชาวจีนทั่วโลกมากถึง 37 ชุมชน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษารากเหง้าของชาวจีนโพ้นทะเลเป็นอย่างมาก
 
Ethnic Chinese in Southeast Asia : Overseas Chinese, Chinese Overseas or Southeast Asians? IN “Ethnic Chinese as Southeast Asians” Leo Suryadinata Singapore : Institute of Southeast Asian Studies, c1997 DS509.5.C5E85 1997 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016882 นับตั้งแต่ประเทศจีนมีนโยบายเปิดประตูการค้า ชาวจีนโพ้นทะเลที่ได้อพยพไปประกอบการค้ายังประเทศต่างๆ ก็มีการกลับมาลงทุนทางการค้าในประเทศจีนอีกครั้ง จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นว่าชาวจีนโพ้นทะเลที่ไปตั้งถิ่นฐานยังประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งได้มีการผสานชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมกับสังคมใหม่ไปแล้วนั้น เมื่อกลับมายังจีนแผ่นดินใหญ่แล้วจะมีสถานะทางสังคมอย่างไร จะเป็นชาวจีน หรือชาวจีนโพ้นทะเล หรือเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้ามาลงทุนทางการค้าในประเทศจีน บทความนี้จะพิเคราะห์สถานะของกลุ่มชาติพันธุ์จีนในประเด็นดังกล่าว ทั้งจากมุมมองที่ชาวจีนโพ้นทะเลมีต่อตนเองและมุมมองของคนท้องถิ่นมีต่อชาวจีน รวมทั้งนโยบายรัฐที่ถูกนำมาใช้กับชาวจีนนั้นประสบปัญหาหรือสร้างโอกาสให้กับชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคนี้อย่างไร
 
From Siamese-Chinese to Chinese-Thai: Political Conditions and Identity Shifts among the Chinese in Thailand IN “Ethnic Chinese as Southeast Asians” Supang Chantavanich Singapore : Institute of Southeast Asian Studies, c1997 DS509.5.C5E85 1997 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016882 จีนสยาม” หรือ “เซียนหัว” เป็นชื่อที่ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยใช้เรียกกลุ่มของตนเอง โดยปรากฎให้เห็นในนิตยสารจีนสยาม (Hua Sian Sin Po) ที่มีนักวิชาการชาวจีนเป็นบรรณาธิการ ถึงแม้ว่าชาวจีนโพ้นทะเลจะเริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ก่อนกรุงศรีอยุธยา แต่กระบวนการปรับตัวเพื่ออยู่อาศัยร่วมกันนั้นก็มิได้ราบรื่นเสมอไป โดยเฉพาะช่วงระหว่างปี ค..1908-1941 นโยบายชาตินิยมของไทยก็สร้างความยุ่งยากและเกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาวจีนกับรัฐไทยไม่น้อย นโยบายทางการเมืองเช่นนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่เร่งให้เกิดการผสมกลมกลืนทางเชื้อชาติของชาวจีนโพ้นทะเล บทความนี้ได้วิเคราะห์เงื่อนไขทางการเมืองดังกล่าว รวมทั้งเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาตินิยมจีนที่ต้องการต่อต้านการถูกผสมกลมกลืนทางเชื้อชาติ และอธิบายปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย
 
Poeykwan : the remittance among overseas Chinese in Thailand Suchada Tantasuralerk Bangkok, Thailand : Institute of Asian Studies, Chulalongkorn University, 1992 HG3978.S864 1992 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00017317 เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้บรรยายถึงบทบาท และพัฒนาการของธุรกิจ “โพยก๊วน” (Poeykwan) ในหมู่ชุมชนชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทยโดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพฯช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โพยก๊วนคือวิธีการที่ชาวจีนส่งเงินที่ได้จากการทำงานหรือการค้าขายกลับไปให้ครอบครัวในประเทศจีนโดยการแนบเงินไปกับจดหมายที่เรียกว่า Poey Later ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของการโอนเงินระหว่างประเทศก็ว่าได้ ต่อมาเมื่อเกิดระบบการแลกเปลี่ยนเงินตราขึ้นในปี ค..1942 คำว่าโพยก๊วนจึงใช้สำหรับเรียกธุรกิจบริการขายตั๋วแลกเงินที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินต่างประเทศตามอัตราแลกเปลี่ยน ผ่านธนาคารหรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตในประเทศปลายทาง ต่อมาภายหลังระบบโพยก๊วนได้ถูกลดบทบาทลงภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย
 
Rethinking of problem of Chinese in Thai society  Churi Vichit-Vadakan Bangkok : The Siam Society Under Royal Patronage, 1991 Audio Visual MaterialsVT 001156 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00062695 บันทึกเสียงการบรรยายทางวิชาการเรื่อง “Rethinking of problem of Chinese in Thai society”นี้จัดขึ้นในปีพ..2534 โดยสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์เพื่อที่จะทำความเข้าใจชาวจีนในสังคมไทยในปัจจุบัน ในช่วงเริ่มต้นผู้บรรยายได้ปูพื้นฐานความเป็นมาของชาวจีนที่เข้ามายังประเทศไทยในอดีต ต่อเนื่องไปสู่ยุคเฟื่องฟูของชาวจีน จนถึงช่วงที่รัฐไทยมีนโยบายลดบทบาทชาวจีนลงในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้บรรยายได้จำแนกชาวจีนในประเทศไทยออกเป็น 3 กลุ่มตามฐานะทางสังคม ได้แก่ กลุ่มชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ซึ่งแต่ละกลุ่มอาจประกอบอาชีพและมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่างกัน ดังนั้นการที่จะทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชาวจีนในประเทศไทยจึงต้องศึกษาลึกลงไปตามกลุ่มชนชั้นทางสังคมที่ต่างกันด้วย เช่นเดียวกับการศึกษาเรื่องการผสมกลมกลืนของชาวจีนในสังคมไทยที่ไม่สามารถมองเพียงมุมใดมุมหนึ่ง แต่ควรแยกประเด็นออกเป็นการผสมกลมกลืนทางการเมืองการปกครอง ทางวัฒนธรรม และทางสังคม เนื่องจากแต่ละประเด็นก็เกิดการผสมกลมกลืนในระดับที่แตกต่างกัน


 
The research of the Chinese Muslim society in Northern Thailand Seiji Imanaga Research presented to Hiroshima University, 1990 Research and Thesis DS570.M85I43 1990 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00058791 งานวิจัยชิ้นนี้มุ่งเน้นศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ การตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการของชาวจีนฮ่อมุสลิมที่อพยพจากเมืองยูนนาน ประเทศจีน มาอาศัยและก่อตั้งเป็นชุมชนต่างๆ ทางตอนเหนือของประเทศไทย โดยให้ข้อมูลทั้งด้านจำนวนประชากร การประกอบอาชีพ การนับถือศาสนา และพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ งานวิจัยนี้เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการประเทศญี่ปุ่นกับรัฐบาลไทยโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ โดยผู้เขียนได้ลงพื้นที่วิจัยภาคสนามในช่วงปี ค..1988-1989
 
The Chinese community in Bangkok : continuity and changes Pensri Duke and Piyanart Bunnag Research presented to the Institute of Thai Studies, Academic Affairs, Chulalongkorn University, 1986 Research and Thesis DS570.C5P45 1986 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00018458 งานวิจัยฉบับนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากภาคเอกชนในปี ค..1982 เนื่องด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของกลุ่มชาวจีนช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งถือเป็นชนชาติที่มีการอพยพเข้ามาในเขตกรุงเทพมหานครมากที่สุดในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยชุมชนชาวจีนกลุ่มแรกที่เข้ามากรุงเทพฯ ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณท่าเตียนและพระบรมมหาราชวัง สถานะทางสังคมของชาวจีนอพยพในยุคนั้นถือว่าค่อนข้างลำบาก ส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและไม่ได้รับการศึกษา จะมีเพียงส่วนน้อยที่ค่อนข้างมั่งคั่งและมีการศึกษาสูง งานวิจัยได้จำแนกกลุ่มชาวจีนที่ศึกษาออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ชนชั้นนำที่มีฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง ชนชั้นกลางได้แก่พ่อค้าและแรงงานมีผีมือ และกลุ่มชนชั้นล่างคือผู้ใช้แรงงานที่หวังเพียงเข้ามาขายแรงงานเพื่อเก็บเงินเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น จากนั้นจึงขยายความเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และบทบาททางเศรษฐกิจของชาวจีนแต่ละกลุ่มในยุคสมัยนั้น โดยที่งานวิจัยไม่ได้แบ่งแยกเนื้อหาออกเป็นตอนหรือเป็นบทอย่างชัดเจน

 
Ritual and Chinese ethnicity in Mahachai, Thailand  Gove G. Elder Dissertation presented to the Faculty of the University of North Carolina at Chapel Hill in degree of Doctorate of Philosophy in the Department of Anthropology, 1982 Research and Thesis DS570.C5E43 1982 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00067545 งานวิจัยนี้ได้ศึกษาเรื่องราวของกลุ่มชาติพันธุ์จีนในอำเภอมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งผู้วิจัยใช้เวลาร่วม 10 ปี ในการทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่นั้น จนเกิดเป็นงานวิจัยชิ้นนี้ในปีค..1982 เนื้อหาการวิจัยครอบคลุมเรื่องภูมิหลังของชาวจีนในมหาชัย ทั้งด้านประวัติศาสตร์สังคม ประเพณี ความเป็นอยู่และพิธีกรรมที่สำคัญ ผู้วิจัยเห็นว่าการวิจัยเกี่ยวกับชาวจีนในประเทศไทยที่ผ่านมานั้น โดยมากแล้วจะครอบคลุมพื้นที่วิจัยที่ค่อนข้างใหญ่หรือเป็นสังคมเมือง ในงานเขียนชิ้นนี้ผู้เขียนจึงต้องการมุ่งเน้นการวิจัยในสังคมชนบทและมีพื้นที่วิจัยที่แคบลงมา เพื่ออธิบายสภาพความเป็นอยู่ของชาวจีนอพยพในบริบทสังคมที่ต่างออกไป
 
Not too high and not too low : a comparative study of Thai and Chinese middle-class life in Bangkok, Thailand Juree Namsirichai Vichit-Vadakan Thesis presented to the graduate division of the University of California, 1979 Research and Thesis HT690.T5J87 1979 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00071477 วิทยานิพนธ์นี้เป็นการศึกษาชนชั้นกลางในสังคมเมืองของประเทศไทย เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพ่อค้าชาวจีนโดยยกตัวอย่างชาวจีนในตลาดกลาง กรุงเทพมหานคร กับลูกจ้างหรือเจ้าหน้าที่ในองค์กรภาครัฐชาวไทย ทั้งนี้ผู้วิจัยมุ่งเน้นเนื้อหาใน 4 ประเด็นใหญ่ได้แก่ ชาติพันธุ์วิทยา การประกอบอาชีพ ลักษณะที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิต นอกจากนั้นยังให้รายละเอียดเรื่องความแตกต่างของโครงสร้างครอบครัว การมีปฏิสัมพันธ์และฐานะทางสังคมของคนทั้ง 2 กลุ่มด้วยเช่นกัน
 
Baba and Nyonya : a study of the ethnic identity of the Chinese Peranakan in Malacca Chee Beng Tan Thesis presented to the Faculty of the Graduate School of Cornell University, 1979 Research and Thesis DS595.2.C5T36 1979 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00065064 วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการวิจัยทางมานุษยวิทยาในเรื่องราวของชาว “บาบ๋า” หรือชาว “เปอรานากัน” ในภาษามาเลย์ ซึ่งผู้เขียนได้เริ่มวิจัยภาคสนามในประเทศมาเลเซียช่วงปี ค..1977 โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ “บาบ๋า” ซึ่งเป็นชาติพันธุ์จีนกลุ่มย่อยในประเทศมาเลเซีย ด้วยมุมมองด้านการปรับตัวทางสังคมวัฒนธรรมซึ่งถือเป็นกรอบคิดสำคัญในงานมานุษยวิทยา เนื่องด้วยในงานวิจัยชิ้นนี้มีการถ่ายทอดคำจากภาษาท้องถิ่นเป็นภาษาบาฮาซา มาเลเซีย ผู้เขียนจึงได้อธิบายหลักภาษาศาสตร์และการออกเสียงชื่อเฉพาะต่างๆ เพื่อความเข้าใจตรงกันไว้อย่างชัดเจน

 
Chinese churches in Thailand  Carl Edwin Blanford Bangkok : Suriyaban, [1977?] BR1195.B4 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038682 หนังสือเล่มนี้เขียนโดยมิชชันนารีที่เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยในปี ค..1951 ผู้เขียนได้ให้ข้อสังเกตว่าคริสตศาสนาในประเทศไทยมีการเติบโตและขยายตัวในกลุ่มชาวจีนมากกว่าชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังน้อยกว่าในชาวจีนกลุ่มเดียวกันที่อพยพไปอยู่อาศัยในประเทศไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซียและอินโดนีเซีย มิชชันนารีนิกายโปรแตสแตนกลุ่มแรกเดินทางมายังประเทศไทยเมื่อปี ค..1828 หลังจากนั้นองค์กรต่างๆ ก็ได้ส่งมิชชันนารีเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มเติม โดยในปี ค..1837 ได้มีการก่อตั้งโบสคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์โดยชาวตะวันตกและชาวจีนขึ้นเป็นครั้งแรก มีสมาชิกเมื่อเริ่มก่อตั้งจำนวน 11 คน ผู้เขียนได้บรรยายให้เห็นความก้าวหน้าของการก่อตั้งโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ทั่วประเทศไทย และในบทสุดท้ายกล่าวถึงการเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยที่เกิดขึ้นราวปี ค..1975 เมื่ออิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์ได้เข้ามาประชิดประเทศไทย เกิดสงครามในภูมิภาคซึ่งส่งผลกับความมั่นคงและการดำรงอยู่ของโบสต์โปรเตสแตนต์ที่มีสมาชิกเป็นชาวจีนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 
Chinese-Thai differential assimilation in Bangkok : an exploratory study Boonsanong Punyodyana Ithaca, N.Y. : Southeast Asia Program, Cornell University, c1971 DS589.B2B66 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016491 การศึกษาเรื่องการผสมกลมกลืนทางสังคมของชาวจีนและชาวไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและธนบุรีในหนังสือเล่มนี้เป็นโครงการวิจัยเพื่อเสนอต่อมหาวิทยาลัยในประเทศไทยของบุญสนอง บุณโยทยาน เพื่อตอบข้อสงสัยในเรื่องความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างชาวจีนและชาวไทยในประเทศไทย ที่โดยมากจะถูกนำเสนอในแง่ของความสัมพันธ์อันราบรื่นและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แท้จริงแล้วยังมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองเชื้อชาติที่ยังไม่ถูกพูดถึงมากนักให้ศึกษาต่อเนื่องไปได้อีก ทั้งด้านภาษา การศึกษา พิธีกรรมทางศาสนา และการแต่งงานข้ามเชื้อชาติซึ่งเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งที่ทำให้เกิดการผสานวัฒนธรรมระหว่างสองครอบครัว
 
Chinese society in Thailand : an analytical history G. William Skinner Ithaca, New York : Cornell University Press, 1962 DS570.C5S45 1962 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016432 หนังสือเล่มนี้ได้ถูกแปลเป็นภาษาไทยในชื่อว่า “สังคมจีนในประเทศไทย: ประวัติศาสตร์เชิงวิเคราะห์” เป็นผลงานชิ้นสำคัญของ จี. วิลเลียม สกินเนอร์ ที่ศึกษาบทบาทของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 จนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์ งานเขียนชิ้นนี้พยายามแสดงให้เห็นบทบาทและความสัมพันธ์ที่ชาวจีนอพยพมีต่อประเทศไทยในทุกมิติ ทั้งเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งงาน การศึกษา ตลอดจนบทบาททางสังคม การเมือง และเศรษฐกิจซึ่งถือว่าชาวจีนมีอิทธิพลเป็นอย่างสูงในขณะนั้น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะทำให้ผู้ศึกษาเรื่องชาวจีนโพ้นทะเลได้เข้าใจพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชาวจีนมาอย่างยาวนาน หนังสือเล่มนี้จึงถือเป็นคัมถีร์เกี่ยวกับชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยที่สำคัญเล่มหนึ่ง


 
Double identity: the Chinese in modern Thailand Richard J Coughlin [Hong Kong] : Hong Kong University Press, 1960 DS570.C5C6 1960 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00036751 หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการวิจัยภาคสนามของผู้เขียนในปี ค.. 1951-1952 เพื่อจัดทำวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกในปี ค..1953 ในขณะเดียวกันผู้เขียนก็ตัดสินใจที่จะเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ให้มีเนื้อหาที่เข้าใจง่ายไม่เป็นทฤษฎีวิชาการมากนัก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในวงกว้าง หลักใหญ่ใจความของหนังสือเล่มนี้คือเรื่องของกลุ่มชาวจีนในยุคสมัยใหม่ของประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เริ่มมีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานจนเกิดเป็นชุมชนที่มีการรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และการนับถือศาสนาแบบจีน รวมทั้งการมีส่วนร่วมทางการเมืองและเศรษฐกิจ จนเกิดเป็นองค์กรทางธุรกิจต่างๆ มากมาย
 
The Chinese in Bangkok A Study of Cultural Persistence Richard J. Coughlin Dissertation presented to the Faculty of the Graduate School of Yale University, 1953 Research and Thesis DS570.C5C61 1953 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00025280 วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เขียนจากการศึกษาภาคสนามในช่วงปีค..1951-1952 ของนักศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องของผู้อพยพชาวจีนในกรุงเทพฯ โดยมุ่งประเด็นเกี่ยวกับการปรับตัวของชาวจีนอพยพให้เข้ากับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยอยู่ก่อน ได้แก่ ชาวไทยพื้นเมือง ชุมชนชาวจีนที่อพยพมาก่อนหน้า และกลุ่มมิชชันนารีชาวตะวันตก ผู้เขียนเชื่อว่ากลุ่มคนทั้ง 3 กลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อการคงอยู่ทางวัฒนธรรมของชาวจีนอพยพเป็นอย่างมาก การวิเคราะห์ปูมหลังของกลุ่มคนดังกล่าวจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังได้วิเคราะห์ประวัติและแรงผลักดันที่ทำให้ชาวจีนต้องอพยพลงมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย