Title | Author | Imprint | Collection | Url | Annotation |
---|---|---|---|---|---|
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/about.php | ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย รวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์มาสรุปสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยา โดยมีการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่เรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตัวเอง เทียบเคียงกับชื่อเรียกโดยคนอื่น และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น |
ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ | ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ทั้งแผนที่แสดงที่ตั้งถิ่นฐาน สภาพภายในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้ชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่คนในใช้เรียกตัวเองหรือต้องการให้สังคมเรียกในชื่อนี้ รวมถึงการค้นคว้าเนื้อหาที่แสดงให้เห็นพลวัตและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณะมีความรับรู้และเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น |
ชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | https://www.facebook.com/thaipuansoceity/ | Facebook ของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ที่มักจะนำสาระความรู้และความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวไทยพวนมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันอยู่เสมอ ตลอดจนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดในประเด็นต่างๆ และยังช่วยให้กลุ่มชาวไทยพวนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น |
ไทยพวนลพบุรี | ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี. | [ลพบุรี: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี, [254-?] | Book: DS570.ล65ท94 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057808 | หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวนในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ชาวพวนที่อพยพได้มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยไม่ได้อพยพมาพร้อมกันในครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้ 1) สมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย 2) สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3) สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 4) สมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมาตั้งถิ่นฐานแล้วนั้น ชาวพวนนิยมตั้งชื่อหมู่บ้านเหมือนกับหมู่บ้านที่เคยอยู่ที่ เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวพวนมักพูดภาษาพวนกันในหมู่ของตนเองเท่านั้น แต่แนวโน้มในปัจจุบันภาษาพวนถูกกลืนโดยภาษาไทยเนื่องจากการเรียนการสอนระบบปัจจุบัน การประกอบอาชีพของชาวพวนมีอาชีพหลักคือทำนาข้าว เพื่อใช้ในการบริโภคเป็นหลัก และมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นแรงงานและอาหาร ชาวพวนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดอดออม มีการทอเครื่องนุ่งห่มด้วยตนเอง บ้านเรือนของชาวพวนมีลักษณะใต้ถุนสูงเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเท ใช้พื้นที่ด้านล่างเลี้ยงสัตว์ และบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของชาวพวนที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ |
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/about.php | ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย รวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์มาสรุปสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยา โดยมีการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่เรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตัวเอง เทียบเคียงกับชื่อเรียกโดยคนอื่น และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น |
ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ | ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ทั้งแผนที่แสดงที่ตั้งถิ่นฐาน สภาพภายในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้ชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่คนในใช้เรียกตัวเองหรือต้องการให้สังคมเรียกในชื่อนี้ รวมถึงการค้นคว้าเนื้อหาที่แสดงให้เห็นพลวัตและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณะมีความรับรู้และเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น |
ชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ | https://www.facebook.com/thaipuansoceity/ | Facebook ของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ที่มักจะนำสาระความรู้และความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวไทยพวนมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันอยู่เสมอ ตลอดจนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดในประเด็นต่างๆ และยังช่วยให้กลุ่มชาวไทยพวนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น |
ไทยพวนลพบุรี | ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี. | [ลพบุรี: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี, [254-?] | Book: DS570.ล65ท94 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057808 | หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวนในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ชาวพวนที่อพยพได้มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยไม่ได้อพยพมาพร้อมกันในครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้ 1) สมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย 2) สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3) สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 4) สมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมาตั้งถิ่นฐานแล้วนั้น ชาวพวนนิยมตั้งชื่อหมู่บ้านเหมือนกับหมู่บ้านที่เคยอยู่ที่ เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวพวนมักพูดภาษาพวนกันในหมู่ของตนเองเท่านั้น แต่แนวโน้มในปัจจุบันภาษาพวนถูกกลืนโดยภาษาไทยเนื่องจากการเรียนการสอนระบบปัจจุบัน การประกอบอาชีพของชาวพวนมีอาชีพหลักคือทำนาข้าว เพื่อใช้ในการบริโภคเป็นหลัก และมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นแรงงานและอาหาร ชาวพวนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดอดออม มีการทอเครื่องนุ่งห่มด้วยตนเอง บ้านเรือนของชาวพวนมีลักษณะใต้ถุนสูงเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเท ใช้พื้นที่ด้านล่างเลี้ยงสัตว์ และบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของชาวพวนที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ |
บ้านและเรือนพวนบางปลาม้า : จากเชียงขวางสู่ลุ่มน้ำภาคกลางของไทย | อรศิริ ปาณินท์. | กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2555 | Book: DS570.พ5อ45 2555 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077543 | หนังสือล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับการศึกษาการปรับตัวของกลุ่มพวนในไทยที่โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีบริบทธรรมชาติและระบบนิเวศที่แตกต่างไปจากบริบทดั้งเดิมของถิ่นกำเนิด กรณีศึกษากลุ่มพวนในจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งมีอายุการตั้งถิ่นฐานประมาณ 200 ปี ชาวพวนที่เข้ามาอยู่ในไทยมีสถานะต้องปรับตัวในสังคมร่วมกับวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นวัฒนธรรมหลัก ในบางกลุ่มยังต้องเผชิญกับบริบททางธรรมชาติที่แตกต่างไปจากต้นกำเนิดซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ที่ลาดเนินเขา กลายเป็นพื้นที่ลุ่ม และยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำหลากและน้ำท่วมล้นตลิ่งอีกด้วย |
บ้านและเรือนพวนบางปลาม้า : จากเชียงขวางสู่ลุ่มน้ำภาคกลางของไทย | อรศิริ ปาณินท์. | กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2555 | Book: DS570.พ5อ45 2555 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077543 | หนังสือล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับการศึกษาการปรับตัวของกลุ่มพวนในไทยที่โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีบริบทธรรมชาติและระบบนิเวศที่แตกต่างไปจากบริบทดั้งเดิมของถิ่นกำเนิด กรณีศึกษากลุ่มพวนในจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งมีอายุการตั้งถิ่นฐานประมาณ 200 ปี ชาวพวนที่เข้ามาอยู่ในไทยมีสถานะต้องปรับตัวในสังคมร่วมกับวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นวัฒนธรรมหลัก ในบางกลุ่มยังต้องเผชิญกับบริบททางธรรมชาติที่แตกต่างไปจากต้นกำเนิดซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ที่ลาดเนินเขา กลายเป็นพื้นที่ลุ่ม และยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำหลากและน้ำท่วมล้นตลิ่งอีกด้วย |
บ้านและเรือนพวนเชียงขวาง : การกลับมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่เดิม | อรศิริ ปาณินท์ และ นพพล จันทวีระ | กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2554 | Book: DS570.พ5อ44 2554 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077557 | หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับชาวพวนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง เดิมตั้งถิ่นฐานที่เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารรณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวพวนอพยพออกจากเมืองเพื่อลี้ภัยทางสงครามไปยังพื้นที่ต่างๆเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี แล้วจึงได้ย้อนกลับไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เดิมอีกครั้ง บ้านเรือนของชาวพวนได้ถูกปรับเปลี่ยนตั้งแต่การตั้งบ้านเรือน จะสร้างบ้านเรือนเป็นแนวยาวทั้งสองฟากถนนหลักที่มีสารธารณูปโภคจากภาครัฐ ภายในเรือนของชาวพวนมีการปรับย้ายเตาไฟ ซึ่งแต่เดิมอยู่กลางบ้าน ย้ายไปอยู่หลังบ้านแทน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน และไม่ทำให้เปรอะเปื้อนในส่วนพื้นที่นอน |
บ้านและเรือนพวนเชียงขวาง : การกลับมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่เดิม | อรศิริ ปาณินท์ และ นพพล จันทวีระ | กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2554 | Book: DS570.พ5อ44 2554 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077557 | หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับชาวพวนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง เดิมตั้งถิ่นฐานที่เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารรณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวพวนอพยพออกจากเมืองเพื่อลี้ภัยทางสงครามไปยังพื้นที่ต่างๆเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี แล้วจึงได้ย้อนกลับไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เดิมอีกครั้ง บ้านเรือนของชาวพวนได้ถูกปรับเปลี่ยนตั้งแต่การตั้งบ้านเรือน จะสร้างบ้านเรือนเป็นแนวยาวทั้งสองฟากถนนหลักที่มีสารธารณูปโภคจากภาครัฐ ภายในเรือนของชาวพวนมีการปรับย้ายเตาไฟ ซึ่งแต่เดิมอยู่กลางบ้าน ย้ายไปอยู่หลังบ้านแทน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน และไม่ทำให้เปรอะเปื้อนในส่วนพื้นที่นอน |
ประวัติศาสตร์ "พวน" มาจากไหน | ไพบูลย์ วิริยะพัฒนไพบูลย์ | กรุงเทพฯ: เลิศชัยการพิมพ์ 2, 2553 | Book: DS570.พ5พ97 2553 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00084286 | หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ชาติภูมิ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองพวน” ของท้าวภูมี วงวิจิด ทำให้ผู้เขียนนำหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นหลักในการเขียน แล้วจึงหาข้อมูลนำหนังสือเล่มอื่นๆมาประกอบ เพื่อให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังแขวงนครเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาประกอบเนื้อหาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น |
ประวัติศาสตร์ "พวน" มาจากไหน | ไพบูลย์ วิริยะพัฒนไพบูลย์ | กรุงเทพฯ: เลิศชัยการพิมพ์ 2, 2553 | Book: DS570.พ5พ97 2553 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00084286 | หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ชาติภูมิ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองพวน” ของท้าวภูมี วงวิจิด ทำให้ผู้เขียนนำหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นหลักในการเขียน แล้วจึงหาข้อมูลนำหนังสือเล่มอื่นๆมาประกอบ เพื่อให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังแขวงนครเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาประกอบเนื้อหาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น |
พิธีไหว้ปู่ตา : ว่าด้วยความเป็นพวนและชุมชนโคกหัวข้าว อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา | ปัญญา วารปรีดี และคณะ | ฉะเชิงเทรา: มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, 2552 | Book: บุญมา พงษ์โหมด. | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073408 | อกสารชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยตามโครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยของมหาวิทยาลัย ราชนคริทร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวน ในพื้นที่บ้านโคกหัวข้าว ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวพวนลี้ภัยสงครามจึงอพยพมาจากแคว้นเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในประเทศไทยตามภาคต่างๆ โดยชุมชนโคกหัวข้าวยังคงมีบ้านเรือนที่มีลักษณะดั้งเดิมของชาวพวน คือมีจั่วสูง หลงเหลืออยู่ไม่กี่หลัง ภายในหมู่บ้านยังคงมี “ศาลากลางบ้าน” และ “ศาลปู่ตา” ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญของชาวโคกหัวข้าว ศาลปู่ตานี้ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน มีการบนบานและกราบไว้ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่งอกงาม ชาวโคกหัวข้าวยังยึดมั่นประกอบพิธีกรรมร่วมกันในช่วง 6 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ของทุกปีโดยตลอดมา |
พิธีไหว้ปู่ตา : ว่าด้วยความเป็นพวนและชุมชนโคกหัวข้าว อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา | ปัญญา วารปรีดี และคณะ | ฉะเชิงเทรา: มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, 2552 | Book: บุญมา พงษ์โหมด. | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073408 | เอกสารชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยตามโครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยของมหาวิทยาลัย ราชนคริทร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวน ในพื้นที่บ้านโคกหัวข้าว ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวพวนลี้ภัยสงครามจึงอพยพมาจากแคว้นเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในประเทศไทยตามภาคต่างๆ โดยชุมชนโคกหัวข้าวยังคงมีบ้านเรือนที่มีลักษณะดั้งเดิมของชาวพวน คือมีจั่วสูง หลงเหลืออยู่ไม่กี่หลัง ภายในหมู่บ้านยังคงมี “ศาลากลางบ้าน” และ “ศาลปู่ตา” ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญของชาวโคกหัวข้าว ศาลปู่ตานี้ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน มีการบนบานและกราบไว้ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่งอกงาม ชาวโคกหัวข้าวยังยึดมั่นประกอบพิธีกรรมร่วมกันในช่วง 6 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ของทุกปีโดยตลอดมา |
บันทึก...วิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 จังหวัดนครนายก | ปัญญา วารปรีดี และคณะ | [นครนายก: ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากพลี, 2550] | Book: DS570.ท93ป63 2550 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00060787 | บันทึกวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 เป็นเอกสารวิจัยทางวิชาการ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี โดยศึกษาจากการสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์และศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ผลการศึกษาพบว่าชาวไทยพวนเดินทางมาจาก เมืองพวน ในแขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วยเหตุผลจากสงคราม ชาวไทยพวนใช้ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกลุ่มของตนเอง มีวิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับจารีตประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในสิบสองเดือน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของคนไทยภาคกลาง ทำให้คนไทยพวนนั้นมีความผูกพันกับวัดและ พุทธศาสนา อีกทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เห็นได้จาก “ศาลปู่ตา” ที่จะในทุกหมู่บ้านของชาวไทยพวน ทั้งนี้ขาวไทยพวนที่ อำเภอปากพลี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีการจัดตั้ง “ชมรมไทยพวน” และมีสภาวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปแบบอีกด้วย |
ไทยพวน : ชนเชื้อชาติไทย (พวน) | โสภณ เครือเพ็ชร์ | [นครนายก: ม.ป.พ., 2550] | Book: DS570.ท95ส94 2550 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00054248 | ถิ่นกำเนิดของของชาวไทพวน เริ่มตั้งแต่ “พ่อขุนบูรม” ได้รวบรวมชนชาติต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสร้างอาณาจักรขึ้นซึ่งนักประวัติศาสตร์เรียกอาณาจักรนี้ว่า “แดนพวน” จนกระทั่งดินแดนพวนเกิดสงคราม ทั้งสงครามการรุกรานอำนาจเพื่อล่าอาณานิคม และเหตุที่ไทยสยามเสียดินแดนให้แก่มหาอำนาจตะวันตก ทำให้ ชาวพวนบางส่วนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสงคราม และบางส่วนอพยพมาด้วยตนเองเพื่อลี้ภัยทางสงคราม เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เรื่อยมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
บันทึก...วิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 จังหวัดนครนายก | ปัญญา วารปรีดี และคณะ | [นครนายก: ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากพลี, 2550] | Book: DS570.ท93ป63 2550 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00060787 | บันทึกวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 เป็นเอกสารวิจัยทางวิชาการ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี โดยศึกษาจากการสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์และศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ผลการศึกษาพบว่าชาวไทยพวนเดินทางมาจาก เมืองพวน ในแขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วยเหตุผลจากสงคราม ชาวไทยพวนใช้ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกลุ่มของตนเอง มีวิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับจารีตประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในสิบสองเดือน ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของคนไทยภาคกลาง ทำให้คนไทยพวนนั้นมีความผูกพันกับวัดและ พุทธศาสนา อีกทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เห็นได้จาก “ศาลปู่ตา” ที่จะในทุกหมู่บ้านของชาวไทยพวน ทั้งนี้ขาวไทยพวนที่ อำเภอปากพลี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีการจัดตั้ง “ชมรมไทยพวน” และมีสภาวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปแบบอีกด้วย |
ไทยพวน : ชนเชื้อชาติไทย (พวน) | โสภณ เครือเพ็ชร์ | [นครนายก: ม.ป.พ., 2550] | Book: DS570.ท95ส94 2550 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00054248 | ถิ่นกำเนิดของของชาวไทพวน เริ่มตั้งแต่ “พ่อขุนบูรม” ได้รวบรวมชนชาติต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสร้างอาณาจักรขึ้นซึ่งนักประวัติศาสตร์เรียกอาณาจักรนี้ว่า “แดนพวน” จนกระทั่งดินแดนพวนเกิดสงคราม ทั้งสงครามการรุกรานอำนาจเพื่อล่าอาณานิคม และเหตุที่ไทยสยามเสียดินแดนให้แก่มหาอำนาจตะวันตก ทำให้ ชาวพวนบางส่วนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสงคราม และบางส่วนอพยพมาด้วยตนเองเพื่อลี้ภัยทางสงคราม เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เรื่อยมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
บันทึกประวัติศาสตร์เมืองพวน | พูมี วงวิจิด ; แปลสำนวนไทยโดยพันเอกโสภณ เครือเพ็ชร์. | [นครนายก: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดฝั่งคลอง, 2548] | Book: DS570.L36พ74 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045450 | หนังสือนี้มีต้นฉบับเป็นภาษาลาว ของผู้เขียน “พูมี วงวิจิด” เนื้อหาภายในเล่มกล่าวตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในเอเชีย จนถึงตำนวนเมืองเชียงขวาง การปกครองของชาวไทพวนที่เมืองเชียงขวาง จนถึงการเกิดสงครามกับไทยและฝรั่งเศส การอพยพของชาวไทพวนเข้ามาในประเทศตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ จนกระทั่งไทยได้คืนดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ชาวไทยพวนย้ายถิ่นฐานอีกครั้งเพื่อกลับสู่ถิ่นเดิมของตน ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวพวนคือ มีความขยัน สามัคคี รู้จักการนำสิ่งของต่างๆรอบตัวมาประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย |
บันทึกประวัติศาสตร์เมืองพวน | พูมี วงวิจิด ; แปลสำนวนไทยโดยพันเอกโสภณ เครือเพ็ชร์. | [นครนายก: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดฝั่งคลอง, 2548] | Book: DS570.L36พ74 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045450 | หนังสือนี้มีต้นฉบับเป็นภาษาลาว ของผู้เขียน “พูมี วงวิจิด” เนื้อหาภายในเล่มกล่าวตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในเอเชีย จนถึงตำนวนเมืองเชียงขวาง การปกครองของชาวไทพวนที่เมืองเชียงขวาง จนถึงการเกิดสงครามกับไทยและฝรั่งเศส การอพยพของชาวไทพวนเข้ามาในประเทศตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ จนกระทั่งไทยได้คืนดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ชาวไทยพวนย้ายถิ่นฐานอีกครั้งเพื่อกลับสู่ถิ่นเดิมของตน ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวพวนคือ มีความขยัน สามัคคี รู้จักการนำสิ่งของต่างๆรอบตัวมาประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย |
เพลงในประเพณีกำฟ้า : กรณีศึกษาชาวพวน จังหวัดลพบุรี | เปรมทิพย์ พงษ์นิล. | ไม่ระบุ | Research and Thesis ML3758.ท9ป74 2547 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046292 | เพลงพื้นบ้านของชาวพวนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังหาได้ยากในปัจจุบัน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีกำฟ้าของชาวพวน จังหวัดลพบุรี เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างของเพลงในประเพณีกำฟ้า อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อของชาวพวน จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บางส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง แต่คงยังมีความเชื่อเรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยความเชื่อเรื่องภูตผีเกี่ยวข้องกับในประเพณีของชาวพวนเกือบทุกครั้งประเพณีกำฟ้าก็เช่นกัน โดยใน อ.บ้านหมี่นั้นมีการละเล่น นางด้งนางกวัก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกำฟ้า ส่วนในอ.โคกสำโรงนั้นไม่มีการละเล่นนี้ รูปแบบของประเพณี กำฟ้าเปลี่ยนไปจากที่เคยมี 3 วัน ปัจจุบันเหลือเพียง 1 วัน (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3) โดยที่ อ.บ้านหมี่นั้นมีการจัดประเพณีกำฟ้าให้คงรูปแบบและองค์ประกอบดั้งเดิมมากที่สุด สำหรับรูปแบบจังหวะของบทเพลงในประเพณีกำฟ้า อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง มีรูปแบบและลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากบทเพลงพื้นบ้านในประเพณีกำฟ้าของทั้งสองอำเภอมี การถ่ายทอดแบบปากต่อปากเป็นเวลานานโดยไม่มีการบันทึกเสียงร้องหรือโน้ตเพลงเป็นหลักฐานไว้ ดังนั้นเนื้อร้องของบทเพลงจึงเป็นสิ่งเดียวที่ชาวไทยพวนยุคปัจจุบันยึดเป็นหลักในการขับร้องและถ่ายทอดให้กับรุ่นลูกหลานจึงเป็นเหตุให้รูปแบบจังหวะของเพลงในประเพณีกำฟ้ายึดเนื้อร้องของบทเพลงเป็นหลัก |
เพลงในประเพณีกำฟ้า : กรณีศึกษาชาวพวน จังหวัดลพบุรี | เปรมทิพย์ พงษ์นิล. | ไม่ระบุ | Research and Thesis ML3758.ท9ป74 2547 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046292 | เพลงพื้นบ้านของชาวพวนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังหาได้ยากในปัจจุบัน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีกำฟ้าของชาวพวน จังหวัดลพบุรี เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างของเพลงในประเพณีกำฟ้า อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อของชาวพวน จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บางส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง แต่คงยังมีความเชื่อเรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยความเชื่อเรื่องภูตผีเกี่ยวข้องกับในประเพณีของชาวพวนเกือบทุกครั้งประเพณีกำฟ้าก็เช่นกัน โดยใน อ.บ้านหมี่นั้นมีการละเล่น นางด้งนางกวัก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกำฟ้า ส่วนในอ.โคกสำโรงนั้นไม่มีการละเล่นนี้ รูปแบบของประเพณี กำฟ้าเปลี่ยนไปจากที่เคยมี 3 วัน ปัจจุบันเหลือเพียง 1 วัน (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3) โดยที่ อ.บ้านหมี่นั้นมีการจัดประเพณีกำฟ้าให้คงรูปแบบและองค์ประกอบดั้งเดิมมากที่สุด สำหรับรูปแบบจังหวะของบทเพลงในประเพณีกำฟ้า อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง มีรูปแบบและลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากบทเพลงพื้นบ้านในประเพณีกำฟ้าของทั้งสองอำเภอมี การถ่ายทอดแบบปากต่อปากเป็นเวลานานโดยไม่มีการบันทึกเสียงร้องหรือโน้ตเพลงเป็นหลักฐานไว้ ดังนั้นเนื้อร้องของบทเพลงจึงเป็นสิ่งเดียวที่ชาวไทยพวนยุคปัจจุบันยึดเป็นหลักในการขับร้องและถ่ายทอดให้กับรุ่นลูกหลานจึงเป็นเหตุให้รูปแบบจังหวะของเพลงในประเพณีกำฟ้ายึดเนื้อร้องของบทเพลงเป็นหลัก |
เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนชาวพวน : กรณีศึกษาวัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี | อรวรรณ เชื้อน้อย. | ไม่ระบุ | Research and Thesis NA6021.อ44 2546 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046476 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะ และกำหนดอายุของเจดีย์ทั้งสององค์ เพื่อตรวจสอบประวัติการเข้ามาของชาวพวน โดยใช้หลักฐานทางรูปแบบศิลปะเป็นตัวตรวจสอบ และเพื่อศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น โดยการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนประวัติศาสตร์ศิลปะ และส่วนของประวัติศาสตร์ของชาวพวน ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้ เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวน ทั้งสองวัด มีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาว โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งลักษณะโครงสร้างโดยรวม และลักษณะอื่นๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านงานศิลปกรรมที่ช่างนำเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรมมาถ่ายทอดเพื่อเป็นการรำลึกถึงสถานที่ที่จากมา ในด้านประวัติศาสตร์ชาวพวนได้รับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเข้ามาของคนลาวที่อพยพมาในบริเวณนี้ว่าส่วนใหญ่เป็นลาวจากเมืองเชียงขวาง และเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) |
ภูมิปัญญาชาวบ้านในเรือนพื้นถิ่นไทพวนในประเทศไทย : การนำไปสู่สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นใหม่ บนฐานของภูมิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถิ่น | อรศิริ ปาณินท์. | นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2546 | Research and Thesis NA7435.A1อ453 2546 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038511 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเรือนพื้นถิ่นไทพวนในประเทศไทย เพื่อเน้นถึงลักษณะเด่นของเรือนความสัมพันธ์ระหว่างการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถิ่นในเรือนซึ่งส่งผลถึงคุณลักษณะของสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนและสถาปัตยกรรมสิ่งแวดล้อมของเรือนไทพวน โดยการศึกษาในครั้งนี้ เก็บรวบรวมข้อมูลจากสำรวจภาคสนามของเรือนไทพวน 12 หมู่บ้านในพื้นที่ 8 จังหวัดในภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกของประเทศไทย ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้ 1) ลักษณะเดิมของเรือนพื้นถิ่นไทพวน มีรูปลักษณ์ของเรือนมี 2 ลักษณะ คือ เรือนจั่วแฝด มีเรือนครัวขวางด้านหลัง และเรือนไทพวนแบบโถงโปร่ง ลำหรับผังของหมู่บ้านกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติในแต่ละพื้นที่ 2) พัฒนาการของเรือน มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของเรือนอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเรือนไทยเดิมจั่วแฝด เป็นเรือนจั่วแฝดและเรือนแฝดแบบผสมจั่วปั้นหยา รูปแบบผังพื้นชั้นบนของเรือนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย สำหรับพื้นที่ชั้นล่างมีการเพิ่มการใช้สอยบางประเภท เช่น ห้องน้ำ, ส้วม, ห้องเก็บของ เป็นต้น 3) แนวโน้มในอนาคต เรือนจั่วแฝดมีโอกาสเลือนหายไปกลายเป็นเรือนจั่วเดี่ยว เพราะสามารถสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัดมากกว่า |
วัฒนธรรมไทยพวนตำบลบ้านทราย | สมคิด จูมทอง | [ลพบุรี : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทราย, 2546] | Book: DS570.พ5ว63 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057840 | หนังสือกล่าวถึงวัฒนธรรมของชาวไทยพวน ในตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยตำนานของชาวพวน การอพยพจากเมืองพวนสู่ประเทศไทย จนกระทั้งแยกมาตั้งบ้านเรือนที่ตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ผู้นำชุมชนของบ้านทรายคือ พระภิกษุหล้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ครูบานาวา” ที่ได้ออกธุดงค์เพื่อตามหาญาติที่อพยพมายังไทยก่อนหน้านี้ ครูบานาวาได้พัฒนาชุมชนต่างๆมากมาย เช่น บ่อน้ำบาดาล อุโบสถ ทำให้ชาวบ้านทรายนับถือว่าครูบานาวาเป็นต้นตระกูลของชาวบ้านทราย รวมทั้งกล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณี 12 เดือน ของชาวพวนบ้านทราย ซึ่งคล้ายกับพระราชประเพณี 12 เดือนของคนไทย ในบางประเพณีได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามชาวบ้านทรายยังคงยึดมั่นประเพณีกันอย่างเหนียวแน่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน |
เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนชาวพวน : กรณีศึกษาวัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี | อรวรรณ เชื้อน้อย. | ไม่ระบุ | Research and Thesis NA6021.อ44 2546 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046476 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะ และกำหนดอายุของเจดีย์ทั้งสององค์ เพื่อตรวจสอบประวัติการเข้ามาของชาวพวน โดยใช้หลักฐานทางรูปแบบศิลปะเป็นตัวตรวจสอบ และเพื่อศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น โดยการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนประวัติศาสตร์ศิลปะ และส่วนของประวัติศาสตร์ของชาวพวน ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้ เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวน ทั้งสองวัด มีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาว โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งลักษณะโครงสร้างโดยรวม และลักษณะอื่นๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านงานศิลปกรรมที่ช่างนำเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรมมาถ่ายทอดเพื่อเป็นการรำลึกถึงสถานที่ที่จากมา ในด้านประวัติศาสตร์ชาวพวนได้รับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเข้ามาของคนลาวที่อพยพมาในบริเวณนี้ว่าส่วนใหญ่เป็นลาวจากเมืองเชียงขวาง และเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) |
วัฒนธรรมไทยพวนตำบลบ้านทราย | สมคิด จูมทอง | [ลพบุรี : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทราย, 2546] | Book: DS570.พ5ว63 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057840 | หนังสือกล่าวถึงวัฒนธรรมของชาวไทยพวน ในตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยตำนานของชาวพวน การอพยพจากเมืองพวนสู่ประเทศไทย จนกระทั้งแยกมาตั้งบ้านเรือนที่ตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ผู้นำชุมชนของบ้านทรายคือ พระภิกษุหล้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ครูบานาวา” ที่ได้ออกธุดงค์เพื่อตามหาญาติที่อพยพมายังไทยก่อนหน้านี้ ครูบานาวาได้พัฒนาชุมชนต่างๆมากมาย เช่น บ่อน้ำบาดาล อุโบสถ ทำให้ชาวบ้านทรายนับถือว่าครูบานาวาเป็นต้นตระกูลของชาวบ้านทราย รวมทั้งกล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณี 12 เดือน ของชาวพวนบ้านทราย ซึ่งคล้ายกับพระราชประเพณี 12 เดือนของคนไทย ในบางประเพณีได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามชาวบ้านทรายยังคงยึดมั่นประเพณีกันอย่างเหนียวแน่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน |
รายงานการวิจัยเรื่องเครื่องจักสานของพวนในประเทศลาวและไทย | เทียมจิตร์ พ่วงสมจิตร์. | กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2545 | Research and Thesis TT190.ท84 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00031907 | การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบวัฒนธรรมพวนในประเทศลาว และไทย” เป็นการศึกษาทั้งในส่วนของเอกสารและการเก็บข้อมูลจากภาคสนามในทั้งประเทศลาวและไทย โดยในประเทศลาวเป็นการศึกษาเครื่องจักสานกับวิถีชีวิตของพวนในแขวงเชียงขวางที่เมืองคูร เมืองงาน เมืองคำ และเมืองโพนสะหวัน ในประเทศไทยเป็นการเก็บข้อมูลจากชุมชนพวนในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี รวมทั้งชุมชนพวนที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยศึกษาถึงวิธีการสืบทอดวิธีการผลิต วัตถุประสงค์ในการผลิต วัตถุดิบ ประเภทและการใช้ประโยชน์เครื่องจักสาน บทบาทและการเปลี่ยนแปลง ผลการวิจัยพบว่า ชาวพวนทั้งสองกลุ่ม มีธรรมเนียมนิยมให้ผู้ชายทำหน้าที่ในการผลิตเครื่องจักสาน มีวัตถุประสงค์ในการผลิตเพื่อใช้และเพื่อขายเหมือนกัน รวมทั้งยังใช้วัตถุดิบคือไม้ไผ่และหวายเหมือนกัน ชาวพวนทั้งสองกลุ่มมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานต่างกัน ชาวพวนในลาวมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานหลากหลายมากกว่า และยังคงมีบทบาทในทุกด้านของการดำรงชีวิตโดยเฉพาะในสังคมชนบท |
ประเพณีไทยพวน | รัฏชดา พัดเย็นชื่น, สุมาลี ศรีชมภู | กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ, 2545 | Book: DS570.ท95ร63 2545 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038501 | ชาวไทยพวนนอกจากจะยึดมั่นในพุทธศาสนาแล้วยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาแต่โบราณ โดยยึดถือปฏิบัติตามแบบอย่างบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยพวนที่หมู่บ้านม่วงขาว อำเภอศรีมโหสถ จังหวะดปราจีนบุรี ได้แก่ ประเพณีบุญข้าวหลาม ประเพณีสู่เสื้อผ้า ประเพณีบังสุกุล ประเพณีก่อพระทราย ประเพณีสารทพวน ประเพณีทานข้าวสารท ประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณีตักบาตรดาวดึงส์ ประเพณีบุญพระเวส และประเพณีกำฟ้า |
รายงานการวิจัยเรื่องเครื่องจักสานของพวนในประเทศลาวและไทย | เทียมจิตร์ พ่วงสมจิตร์. | กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2545 | Research and Thesis TT190.ท84 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00031907 | การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบวัฒนธรรมพวนในประเทศลาว และไทย” เป็นการศึกษาทั้งในส่วนของเอกสารและการเก็บข้อมูลจากภาคสนามในทั้งประเทศลาวและไทย โดยในประเทศลาวเป็นการศึกษาเครื่องจักสานกับวิถีชีวิตของพวนในแขวงเชียงขวางที่เมืองคูร เมืองงาน เมืองคำ และเมืองโพนสะหวัน ในประเทศไทยเป็นการเก็บข้อมูลจากชุมชนพวนในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี รวมทั้งชุมชนพวนที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยศึกษาถึงวิธีการสืบทอดวิธีการผลิต วัตถุประสงค์ในการผลิต วัตถุดิบ ประเภทและการใช้ประโยชน์เครื่องจักสาน บทบาทและการเปลี่ยนแปลง ผลการวิจัยพบว่า ชาวพวนทั้งสองกลุ่ม มีธรรมเนียมนิยมให้ผู้ชายทำหน้าที่ในการผลิตเครื่องจักสาน มีวัตถุประสงค์ในการผลิตเพื่อใช้และเพื่อขายเหมือนกัน รวมทั้งยังใช้วัตถุดิบคือไม้ไผ่และหวายเหมือนกัน ชาวพวนทั้งสองกลุ่มมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานต่างกัน ชาวพวนในลาวมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานหลากหลายมากกว่า และยังคงมีบทบาทในทุกด้านของการดำรงชีวิตโดยเฉพาะในสังคมชนบท |
ประเพณีไทยพวน | รัฏชดา พัดเย็นชื่น, สุมาลี ศรีชมภู | กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ, 2545 | Book: DS570.ท95ร63 2545 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038501 | ชาวไทยพวนนอกจากจะยึดมั่นในพุทธศาสนาแล้วยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาแต่โบราณ โดยยึดถือปฏิบัติตามแบบอย่างบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยพวนที่หมู่บ้านม่วงขาว อำเภอศรีมโหสถ จังหวะดปราจีนบุรี ได้แก่ ประเพณีบุญข้าวหลาม ประเพณีสู่เสื้อผ้า ประเพณีบังสุกุล ประเพณีก่อพระทราย ประเพณีสารทพวน ประเพณีทานข้าวสารท ประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณีตักบาตรดาวดึงส์ ประเพณีบุญพระเวส และประเพณีกำฟ้า |
วิถีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงของชาวไทยพวน | เฉลิมพงษ์ หัตถา. | นครสวรรค์: บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาลัยภาคกลางจังหวัดนครสวรรค์, 2544 | Research and Thesis DS570.พ5ฉ74 2544 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00043367 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของไทยพวน ศึกษาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ไทยพวน เพื่อหาความสัมพันธ์ของสาเหตุการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไทยพวน และเพื่อเปรียบเทียบวิถีชีวิตไทยพวน แต่ละพื้นที่ โดยการศึกษาในครั้งนี้ทำในลักษณะการวิจัยเชิงพรรณนา เก็บรวบรวมข้อมูลจากไทยพวนภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ไทยพวนบ้านทุ่งโฮ้ง จ.แพร่ บ้านเข็ก จ.พิษณุโลก บ้านปากฝาง จ.อุตรดิตถ์ บ้านป่าแดง จ.พิจิตร บ้านหาดสูง จ.สุโขทัย บ้านวังรอ จ.นครสวรรค์ ผลการศึกษาพบว่าวิถีชีวิตของชาวไทยพวนใช้ภาษาพวนพูดคุยเฉพาะคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้าน การถือปฏิบัติตามประเพณีและการละเล่นของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนสาเหตุที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคือ ทัศนคติที่ดีต่องานประเพณีกำฟ้า มีคนในครอบครัวที่ไม่ใช่คนไทยพวนอาศัยอยู่ด้วย การร่วมทำบุญสารทพวนทุกครั้ง การรวมกลุ่มของแม่บ้าน ความแห้งแล้งเศรษฐกิจตกต่ำ ความรู้สึกเฉยๆที่เกิดเป็นคนไทยพวน การติดต่อกับชุมชนเมืองได้สะดวก การไปรับจ้างทำงานในอุตสาหกรรม การมีอาชีพเสริมของครอบครัว รายได้ลดลงจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ การมีตลาดนัดในหมู่บ้าน และมีคนต่างถิ่นย้ายเข้ามาในหมู่บ้านมากขึ้น |
วิถีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงของชาวไทยพวน | เฉลิมพงษ์ หัตถา. | นครสวรรค์: บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาลัยภาคกลางจังหวัดนครสวรรค์, 2544 | Research and Thesis DS570.พ5ฉ74 2544 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00043367 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของไทยพวน ศึกษาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ไทยพวน เพื่อหาความสัมพันธ์ของสาเหตุการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไทยพวน และเพื่อเปรียบเทียบวิถีชีวิตไทยพวน แต่ละพื้นที่ โดยการศึกษาในครั้งนี้ทำในลักษณะการวิจัยเชิงพรรณนา เก็บรวบรวมข้อมูลจากไทยพวนภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ไทยพวนบ้านทุ่งโฮ้ง จ.แพร่ บ้านเข็ก จ.พิษณุโลก บ้านปากฝาง จ.อุตรดิตถ์ บ้านป่าแดง จ.พิจิตร บ้านหาดสูง จ.สุโขทัย บ้านวังรอ จ.นครสวรรค์ ผลการศึกษาพบว่าวิถีชีวิตของชาวไทยพวนใช้ภาษาพวนพูดคุยเฉพาะคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้าน การถือปฏิบัติตามประเพณีและการละเล่นของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนสาเหตุที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคือ ทัศนคติที่ดีต่องานประเพณีกำฟ้า มีคนในครอบครัวที่ไม่ใช่คนไทยพวนอาศัยอยู่ด้วย การร่วมทำบุญสารทพวนทุกครั้ง การรวมกลุ่มของแม่บ้าน ความแห้งแล้งเศรษฐกิจตกต่ำ ความรู้สึกเฉยๆที่เกิดเป็นคนไทยพวน การติดต่อกับชุมชนเมืองได้สะดวก การไปรับจ้างทำงานในอุตสาหกรรม การมีอาชีพเสริมของครอบครัว รายได้ลดลงจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ การมีตลาดนัดในหมู่บ้าน และมีคนต่างถิ่นย้ายเข้ามาในหมู่บ้านมากขึ้น |
ครองสิบสี่ในวิถีชีวิตของชาวไทพวน ตำบลบ้านผือ อำเภอบบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี | มยุรี ปาละอินทร์ | มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2543 | Research and Thesis GT4877.ม47 2543 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00032934 | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยคือ เพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้เรื่องคองสิบสี่ให้ชัดเจน และเพื่อศึกษาคองสิบสี่ในวิถีชีวิตของชาวไทพวน ต.บ้านผืด อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผลการวิจัยพบว่าชาวไทยพวนยึดถือปฏิบัติตามคองสิบสี่ พร้อมทั้งนำไปอบรมสั่งสอนลูกหลานในรุ่นหลังต่อไป ในสังคมไทยพวนมี “คอง”เป็นข้อปฏิบัติและแนวทางที่นำมาปฏิบัติร่วมกับศาสนา เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ปกครองบ้างเมือง ข้าราชการ, ประชาชนทั่วไป และคนในครอบครัว ระบบเครือญาติ ดังนั้น “คอง”เป็นเหมือนกฏหมายที่กำหนดหน้าที่ให้ชาวไทพวน นอกจากนี้งานวิจัยยังพบอีกว่ากลุ่มเด็กและวัยรุ่นไม่รู้จัก “คอง” |
การปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนในราชอาณาจักรไทยระหว่าง พ.ศ.2322-2436 | ปรารถนา แซ่อึ๊ง | ไม่ระบุ | Research and Thesis DS570.พ5ป4 2543 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046294 | ารศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาของนโยบาย การดำเนินนโยบายการปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนในระหว่าง พ.ศ.2522-2436 เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปกครองของไทยในเมืองพวนและวิธีการแก้ไขปัญหา และเพื่อศึกษานโยบายและผลจากการปกครองของไทยที่มีต่อชาวพวนในราชอารณาจักรไทย โดยการศึกษาในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนกระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2436 ผลการศึกษาพบว่าในช่วงแรกไทยมีนโยบายปกครองเมืองพวนในฐานะเมืองขึ้นของไทย โดยให้อำนาจสิทธิขาดในการปกครองภายในแก่เมืองพวน เมืองพวนมีหน้าที่เพียงส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายพระมหากษัตริย์ไทยตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่เนื่องจากระยะทางระหว่างเมืองพวนกับไทยอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้ญวนขยายอิทธิพลเข้ามาในเมืองพวนอยู่เสมอ ทำให้เมืองพวนมีลักษณะเมืองสองฝ่ายฟ้า ไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเป็นเมือง สองฝ่ายฟ้าอยู่หลายวิธีแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ไทยหันมาใช้นโยบายกวาดต้อนชาวพวนเข้ามาในประเทศให้หมดเพื่อไม่ให้เหลือเป็นกำลังแก่ฝ่ายญวน นโยบายดังกล่าวดำเนินเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลัทธิจักรวรรดินิยมแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองพวนไม่มีการกำหนดเขตแดนที่แน่นอน ทำให้เมืองพวนจึงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ส่งผลให้ ชาวพวนอพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้ |
การปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนในราชอาณาจักรไทยระหว่าง พ.ศ.2322-2436 | ปรารถนา แซ่อึ๊ง | ไม่ระบุ | Research and Thesis DS570.พ5ป4 2543 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046294 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาของนโยบาย การดำเนินนโยบายการปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนในระหว่าง พ.ศ.2522-2436 เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปกครองของไทยในเมืองพวนและวิธีการแก้ไขปัญหา และเพื่อศึกษานโยบายและผลจากการปกครองของไทยที่มีต่อชาวพวนในราชอารณาจักรไทย โดยการศึกษาในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนกระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ.2436 ผลการศึกษาพบว่าในช่วงแรกไทยมีนโยบายปกครองเมืองพวนในฐานะเมืองขึ้นของไทย โดยให้อำนาจสิทธิขาดในการปกครองภายในแก่เมืองพวน เมืองพวนมีหน้าที่เพียงส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายพระมหากษัตริย์ไทยตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่เนื่องจากระยะทางระหว่างเมืองพวนกับไทยอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้ญวนขยายอิทธิพลเข้ามาในเมืองพวนอยู่เสมอ ทำให้เมืองพวนมีลักษณะเมืองสองฝ่ายฟ้า ไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเป็นเมือง สองฝ่ายฟ้าอยู่หลายวิธีแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ไทยหันมาใช้นโยบายกวาดต้อนชาวพวนเข้ามาในประเทศให้หมดเพื่อไม่ให้เหลือเป็นกำลังแก่ฝ่ายญวน นโยบายดังกล่าวดำเนินเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลัทธิจักรวรรดินิยมแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองพวนไม่มีการกำหนดเขตแดนที่แน่นอน ทำให้เมืองพวนจึงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ส่งผลให้ ชาวพวนอพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้ |
การรับนวัตกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา : ศึกษากรณีชุมชนไทยพวนในจังหวัดลพบุรี | เชาว์วัย ศุภรตรีทิเพศ. | ไม่ระบุ | Research and Thesis DS570.พ5ช7 2542 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045312 | งานวัจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาถึงผลกระทบของนวัตกรรมมีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาในหมุ่บ้าน ไทยพวน เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงในระบบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยพวน เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้พิธีกรรมทางศานาของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไป และเพื่อนำผลการวิจัยมาปรับใช้ในการอนุรักษ์ระบบ พิธีกรรม และความเชื่อของชาวไทย ผลการวิจัยในครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องมาใช้สำหรับการศึกษาวิจัย โดยตั้งสมมติฐาน 8 หัวข้อ ดังนี้ การรับนวัตกรรมทางวัตถุ, การรับนวัตกรรมอวัตถุ, การเป็นอุตสาหกรรม,การเป็นเมือง การพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐ, การพัฒนาระบบชลประทาน และการพัฒนาระบบคมนาคม มีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชน ซึ่งจากผลการวิจัยปรากฏว่า สมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นความจริงเกือบทั้งหมด ยกเว้น สมมติฐานที่ 6 คือการพัฒนาโดยหน่วยงานของเอกชน การศึกษาการธำรงรักษาพิธีกรรมของไทยพวนบ้านกล้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ พบว่าเอกลักษณ์ของชาวไทยพวนบ้านกล้วยลดน้อยลงไปตามกาลเวลา โดยสังคมไทยรับเอาวัฒนธรรมจากสังคมตะวันตกเข้ามามาก การนับถือผีสางเทวดา กลายเป็นเรื่องงมงาย ล้าสมัย ผู้ที่จะมานับถือสิบทอดประเพณี พิธีกรรมของชาวไทยพวนซึ่งขาดความศรัทธาจึงลดน้อยลงไปทุกวัน |
รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาว พวนบ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | สมศักดิ์ ศรีสันติสุข...[และคนอื่นๆ]. | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2542 | Research and Thesis DS555.45.พ5ส45 2542 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00033660 | การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน |
การรับนวัตกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา : ศึกษากรณีชุมชนไทยพวนในจังหวัดลพบุรี | เชาว์วัย ศุภรตรีทิเพศ. | ไม่ระบุ | Research and Thesis DS570.พ5ช7 2542 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045312 | งานวัจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาถึงผลกระทบของนวัตกรรมมีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาในหมุ่บ้าน ไทยพวน เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงในระบบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยพวน เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้พิธีกรรมทางศานาของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไป และเพื่อนำผลการวิจัยมาปรับใช้ในการอนุรักษ์ระบบ พิธีกรรม และความเชื่อของชาวไทย ผลการวิจัยในครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องมาใช้สำหรับการศึกษาวิจัย โดยตั้งสมมติฐาน 8 หัวข้อ ดังนี้ การรับนวัตกรรมทางวัตถุ, การรับนวัตกรรมอวัตถุ, การเป็นอุตสาหกรรม,การเป็นเมือง การพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐ, การพัฒนาระบบชลประทาน และการพัฒนาระบบคมนาคม มีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชน ซึ่งจากผลการวิจัยปรากฏว่า สมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นความจริงเกือบทั้งหมด ยกเว้น สมมติฐานที่ 6 คือการพัฒนาโดยหน่วยงานของเอกชน การศึกษาการธำรงรักษาพิธีกรรมของไทยพวนบ้านกล้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ พบว่าเอกลักษณ์ของชาวไทยพวนบ้านกล้วยลดน้อยลงไปตามกาลเวลา โดยสังคมไทยรับเอาวัฒนธรรมจากสังคมตะวันตกเข้ามามาก การนับถือผีสางเทวดา กลายเป็นเรื่องงมงาย ล้าสมัย ผู้ที่จะมานับถือสิบทอดประเพณี พิธีกรรมของชาวไทยพวนซึ่งขาดความศรัทธาจึงลดน้อยลงไปทุกวัน |
รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาว พวนบ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | สมศักดิ์ ศรีสันติสุข...[และคนอื่นๆ]. | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2542 | Research and Thesis DS555.45.พ5ส45 2542 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00033660 | การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน |
พวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี : กรณีศึกษาวิถีชีวิตและประเพณีพื้นบ้าน | วาสนา บุญสม. | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2541 | Research and Thesis DS570.ล65ว65 2541 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035398 | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มพวน วิเคราะห์โครงสร้างสังคมของพวน ศึกษา การดำรงอยู่ของสัญญาประชาคมท้องถิ่นที่เรียกว่า ฮีตบ้านคองเมือง และเพื่อวิเคราะห์ประเพณีฮีตสิบสองกับการดำรงอยู่และการคลี่คลายในยุคโลกาภิวัตน์ ผลการวิจัยพบว่าชาวพวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีโครงสร้างทางสังคมคล้ายชาวลาว ต่างกันที่ภาษาและรายละเอียดอื่นๆ เช่น ประเพณีต่างๆของชาวไทพวน ชาวพวนดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้ เพราะยึดมั่นในฮีตบ้านคองเมืองมีประเพณีในรอบปีทั้ง 12 เดือน และประเพณีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การเกิดจนกระทั้งการตาย แม้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลให้สัญญาประชาคมคลี่คลายลงไปบ้างแต่ชาวไทพวนบ้านหมี่ได้พยายามรื้อฟื้นฮีตบ้านคองเมืองให้คงอยู่ตลอดไป |
บันทึกหนุ่มพวน : จากลุ่มน้ำยมสู่ลุ่มน้ำมูล | สนอง โกศัย | กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง, 2541 | Book: DS570.พ5ส35 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015088 | เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประวัติของชาวพวน ตั้งแต่การสร้างเมืองพวนจนถึงการย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย และชีวประวัติของ ผศ.สนอง โกศัย ตั้งแต่บรรพบุรุษอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ผู้เขียนกล่าวถึงบรรยากาศ สภาพความเป็นอยู่ในสมัยยังเด็ก ความสัมพันธ์ภายในชุมชนที่แน่นแฟ้น เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน การประกอบอาชีพส่วนใหญ่เน้นการเกษตรกรรมและกสิกรรม การรักษาโรคตามความเชื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามีบทบาท และประเพณีชาวพวนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน |
พวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี : กรณีศึกษาวิถีชีวิตและประเพณีพื้นบ้าน | วาสนา บุญสม. | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2541 | Research and Thesis DS570.ล65ว65 2541 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035398 | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มพวน วิเคราะห์โครงสร้างสังคมของพวน ศึกษา การดำรงอยู่ของสัญญาประชาคมท้องถิ่นที่เรียกว่า ฮีตบ้านคองเมือง และเพื่อวิเคราะห์ประเพณีฮีตสิบสองกับการดำรงอยู่และการคลี่คลายในยุคโลกาภิวัตน์ ผลการวิจัยพบว่าชาวพวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีโครงสร้างทางสังคมคล้ายชาวลาว ต่างกันที่ภาษาและรายละเอียดอื่นๆ เช่น ประเพณีต่างๆของชาวไทพวน ชาวพวนดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้ เพราะยึดมั่นในฮีตบ้านคองเมืองมีประเพณีในรอบปีทั้ง 12 เดือน และประเพณีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การเกิดจนกระทั้งการตาย แม้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลให้สัญญาประชาคมคลี่คลายลงไปบ้างแต่ชาวไทพวนบ้านหมี่ได้พยายามรื้อฟื้นฮีตบ้านคองเมืองให้คงอยู่ตลอดไป |
บันทึกหนุ่มพวน : จากลุ่มน้ำยมสู่ลุ่มน้ำมูล | สนอง โกศัย | กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง, 2541 | Book: DS570.พ5ส35 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015088 | เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประวัติของชาวพวน ตั้งแต่การสร้างเมืองพวนจนถึงการย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย และชีวประวัติของ ผศ.สนอง โกศัย ตั้งแต่บรรพบุรุษอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ผู้เขียนกล่าวถึงบรรยากาศ สภาพความเป็นอยู่ในสมัยยังเด็ก ความสัมพันธ์ภายในชุมชนที่แน่นแฟ้น เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน การประกอบอาชีพส่วนใหญ่เน้นการเกษตรกรรมและกสิกรรม การรักษาโรคตามความเชื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามีบทบาท และประเพณีชาวพวนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน |
สืบสานตำนานไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว | ไม่ระบุ | พิจิตร : ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3, 2540 | Book: DS570.พ53ส63 2540 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046020 | หนังสือกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณีของชาวพวน บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย การประกอบอาชีพของชาวพวนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม และหัตถกรรมพื้นบ้าน เนื่องจากภาวะสังคมเมือง ทำให้ชาวพวนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ประเพณีที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน เช่น ประเพณี กำฟ้า ซึ่งเป็นประเพณีที่ระลึกถึงคุณงามความดีของวิญญาณบรรพบุรุษ ประเพณีกำเกียงเป็นประเพณีปัดเป่าไม่ให้คนในบ้านยไม่เจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้ผู้หญิงชาวพวนจะมีค่านิยมในการทอผ้า การทอผ้าของชาวพวนมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ “ผ้าซิ่นตีนจก” ที่มีรายละเอียดการออกแบบโครงสร้าง และลวดลายบนผ้าในแต่ละผืนมีความแตกต่างกัน ซึ่งค่านิยมการทอผ้าของชาวพวนกำลังจะเลือนหายไปเพราะมีอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ |
สืบสานตำนานไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว | ไม่ระบุ | พิจิตร : ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3, 2540 | Book: DS570.พ53ส63 2540 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046020 | หนังสือกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณีของชาวพวน บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย การประกอบอาชีพของชาวพวนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม และหัตถกรรมพื้นบ้าน เนื่องจากภาวะสังคมเมือง ทำให้ชาวพวนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ประเพณีที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน เช่น ประเพณี กำฟ้า ซึ่งเป็นประเพณีที่ระลึกถึงคุณงามความดีของวิญญาณบรรพบุรุษ ประเพณีกำเกียงเป็นประเพณีปัดเป่าไม่ให้คนในบ้านยไม่เจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้ผู้หญิงชาวพวนจะมีค่านิยมในการทอผ้า การทอผ้าของชาวพวนมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ “ผ้าซิ่นตีนจก” ที่มีรายละเอียดการออกแบบโครงสร้าง และลวดลายบนผ้าในแต่ละผืนมีความแตกต่างกัน ซึ่งค่านิยมการทอผ้าของชาวพวนกำลังจะเลือนหายไปเพราะมีอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ |
วรรณกรรมไทพวน : ความสัมพันธ์กับสังคม | ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์. | ไม่ระบุ | Research and Thesis GR312.ภ63 2539 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเนื้อหาของวรรณกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคม โดยการศึกษาวรรณกรรมไทพวนจำกัดขอบเขตเฉพาะวรรณกรรมนิทาน หมู่บ้านไทพวนที่เก็บข้อมูล คือ หมู่บ้านท่าแดง หมู่บ้านเกาะหวาย หมู่บ้านหนองหัวลิงและหมู่บ้านอื่นๆบริเวณใกล้เคียง ในอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ผลการศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมนิทานไทพวนทั้ง 101 เรื่อง พบว่าลักษณะโครงสร้างของวรรณกรรมนิทานไทพวนมีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน วรรณกรรมไทพวนส่วนใหญ่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับบูรพกรรม การบำเพ็ญบารมี ความรัก ชนชั้น และคุณธรรม โดยสะท้อนจากพฤติกรรมตัวละครเป็นสำคัญ ด้านความขัดแย้งของตัวละครมักเกิดจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง และความแตกต่างด้านฐานะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคมมีบทบาทและหน้าที่ให้การศึกษาและปลูกฝังค่านิยมด้านต่างๆแก่คนในสังคม ทั้ งยังช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมให้สมบูรณ์และเข้มแข็งขึ้น ช่วยรักษาแบบแผนของสังคมและช่วยสร้างความสามัคคีของชาวไทพวนอีกด้วย |
ผญา : มรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2539 | Book: DS570.พ5พ93 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038523 | หนังสือกล่าวถึง“ผญา” อ่านว่า ผะ-หยา เป็นคำพูดเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เนื้อหาของผญามีใจความกินใจต่อผู้ที่ได้ยิน ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างผญา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำผญา ถือเป็นขุมทรัพย์ภูมิปัญญาของชาวไทยพวนในอดีต ในเล่มยังกล่าวถึงการเลือกคู่ครอง การตั้งชื่อบุตร ตำนานของชาวไทยพวน เจ้าเมืองพวน การสร้างบ้านเรือนที่อยุ่อาศัย ประเพณีฮีต 12 คอง 14 ความเชื่อในการนับถือผีของชาวพวน โดยสิ่งที่ชาวพวนนับถือมากที่สุดคือผีฟ้าผีแถน แม้ว่าในปัจจุบันชาวพวนจะมีการนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ก็ยังนับถือภูตผีวิญญาณบรรพบุรุษสืบต่อกันมา |
สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : พวน | วีระพงศ์ มีสถาน | นครปฐม: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2539 | Book: DS570.P5ว64 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00007192 | สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์พวน จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในมหาวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของรัชกาลที่ 9 ผู้เขียนได้เรียบเรียงข้อมูลจากทั้งเอกสาร ตำรา และจากการเก็บข้อมูลภาคสนาม เนื้อหาภายในเล่มว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชาวพวนตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชาวพวน ที่มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ลักษณะทางชาติพันธุ์ ลักษณะบ้านเรือน โครงสร้างทางสังคม การประกอบอาชีพ ภาษา การละเล่น อาหาร และยารักษาโรค |
วรรณกรรมไทพวน : ความสัมพันธ์กับสังคม | ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์. | ไม่ระบุ | Research and Thesis GR312.ภ63 2539 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 | การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเนื้อหาของวรรณกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคม โดยการศึกษาวรรณกรรมไทพวนจำกัดขอบเขตเฉพาะวรรณกรรมนิทาน หมู่บ้านไทพวนที่เก็บข้อมูล คือ หมู่บ้านท่าแดง หมู่บ้านเกาะหวาย หมู่บ้านหนองหัวลิงและหมู่บ้านอื่นๆบริเวณใกล้เคียง ในอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ผลการศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมนิทานไทพวนทั้ง 101 เรื่อง พบว่าลักษณะโครงสร้างของวรรณกรรมนิทานไทพวนมีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน วรรณกรรมไทพวนส่วนใหญ่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับบูรพกรรม การบำเพ็ญบารมี ความรัก ชนชั้น และคุณธรรม โดยสะท้อนจากพฤติกรรมตัวละครเป็นสำคัญ ด้านความขัดแย้งของตัวละครมักเกิดจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง และความแตกต่างด้านฐานะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคมมีบทบาทและหน้าที่ให้การศึกษาและปลูกฝังค่านิยมด้านต่างๆแก่คนในสังคม ทั้ งยังช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมให้สมบูรณ์และเข้มแข็งขึ้น ช่วยรักษาแบบแผนของสังคมและช่วยสร้างความสามัคคีของชาวไทพวนอีกด้วย |
ผญา : มรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2539 | Book: DS570.พ5พ93 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038523 | หนังสือกล่าวถึง“ผญา” อ่านว่า ผะ-หยา เป็นคำพูดเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เนื้อหาของผญามีใจความกินใจต่อผู้ที่ได้ยิน ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างผญา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำผญา ถือเป็นขุมทรัพย์ภูมิปัญญาของชาวไทยพวนในอดีต ในเล่มยังกล่าวถึงการเลือกคู่ครอง การตั้งชื่อบุตร ตำนานของชาวไทยพวน เจ้าเมืองพวน การสร้างบ้านเรือนที่อยุ่อาศัย ประเพณีฮีต 12 คอง 14 ความเชื่อในการนับถือผีของชาวพวน โดยสิ่งที่ชาวพวนนับถือมากที่สุดคือผีฟ้าผีแถน แม้ว่าในปัจจุบันชาวพวนจะมีการนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ก็ยังนับถือภูตผีวิญญาณบรรพบุรุษสืบต่อกันมา |
สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : พวน | วีระพงศ์ มีสถาน | นครปฐม: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2539 | Book: DS570.P5ว64 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00007192 | สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์พวน จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในมหาวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของรัชกาลที่ 9 ผู้เขียนได้เรียบเรียงข้อมูลจากทั้งเอกสาร ตำรา และจากการเก็บข้อมูลภาคสนาม เนื้อหาภายในเล่มว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชาวพวนตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชาวพวน ที่มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ลักษณะทางชาติพันธุ์ ลักษณะบ้านเรือน โครงสร้างทางสังคม การประกอบอาชีพ ภาษา การละเล่น อาหาร และยารักษาโรค |
การเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัฒน์ : ศึกษากรณีชุมชนไทพวน ตำบลหินปัก อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี | บดี พงษ์ทอง. | กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2538 | Research and Thesis DS570.พ5บ36 2538 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037907 | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาถึงความตระหนักของกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนต่อ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์ เพื่อแสวงหาปัจจัยที่มีผลต่อการผลักดันหรือนำกระบวนการโลกาภิวัตน์เช้าสู่ชุมชนชนบท และเพื่อวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัยทีมีผลต่อการผลักดันหรือนำกระบวนการโลกาภิวัตน์เข้าสู่ชุมชนชนบท ว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคแก่กันอย่างไร การศึกษานี้เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนใน ต.หินปัก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ด้วยเหตุผลคือชาวไทพวนใน ต.หินปัก เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และยังคงเป็นแหล่งที่มีประชากรชาวไทพวนหนาแน่น ผลการวิจัยพบว่า ความตระหนักของกลุ่มชาวไทพวนต่อกระบวนการโลกาภิวัตน์ใน 2 กลุ่มชี้วัดระหว่างหัวหน้าครอบครัวกับผู้นำชุมชนไม่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นว่ากระบวนการโลกาภิวัตน์จะมีผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชนของตนได้อย่างไร เนื่องจากสภาพการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของท้องถิ่นยังเป็นลักษณะ ค่อยเป็นค่อยไป สำหรับลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัตน์ ดังนี้ 1) ปัจจัยการได้รับข่าวสารของประชาชน 2) ปัจจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนา และ 3) ปัจจัยวิถีการดำเนินชีวิตชาวชนบทไทพวนด้านกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อกันในระบบเครือญาติ |
ดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนที่แขวงเชียงขวาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | โพไช สุนนะลาด | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 | Research and Thesis DS570.L36พ92 2538 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035439 | งานวิจัยนี้ได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะการละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของชาวไทพวน กำลังประสบวิกฤตที่รุนแรงไม่แพ้สมัยสงครามอินโดจีน นั่นคือกระแสวัฒนธรรมของโลกตะวันตก เช่น เครื่องดนตรีแบบฝรั่ง จังหวะและทำนองเพลงของต่างชาติ ได้สร้างผลกระทบและนำความเสื่อมคลายให้ศิลปวัฒนธรรม การละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของไทพวนเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ของชาวไทพวน ศึกษาองค์ประกอบทั่วไปทางดนตรีของไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับชีวิตของชาวไทพวน ที่แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผลการวิจัยพบว่าชาวไทพวนมีเครื่องดนตรี 4 ประเภท ได้แก่ ดีด สี ตี เป่า ส่วนการละเล่นมี 3 ประเภท คือ ลำพวนและตอบผญา, ฟ้อน และร้องเพลง โดยองค์ประกอบของดนตรีชาวไทพวน มีองค์ประกอบ 5 อย่าง คือ การผสมวง นักแต่งเพลงหรือผู้ประพันธ์ นักดนตรี วิธีการบรรเลง และผู้ชมผู้ฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สำหรับการใช้ดนตรีในพิธีกรรมที่ แขวงเชียงขวาง มี 2 ลักษณะคือ การใช้ดนตรีในพิธีทางราชการ และการใช้ดนตรีในพิธีกรรมตามประเพณีท้องถิ่น |
การเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัฒน์ : ศึกษากรณีชุมชนไทพวน ตำบลหินปัก อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี | บดี พงษ์ทอง. | กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2538 | Research and Thesis DS570.พ5บ36 2538 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037907 | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาถึงความตระหนักของกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนต่อ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์ เพื่อแสวงหาปัจจัยที่มีผลต่อการผลักดันหรือนำกระบวนการโลกาภิวัตน์เช้าสู่ชุมชนชนบท และเพื่อวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัยทีมีผลต่อการผลักดันหรือ นำกระบวนการโลกาภิวัตน์เข้าสู่ชุมชนชนบท ว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคแก่กันอย่างไร การศึกษานี้เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนใน ต.หินปัก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ด้วยเหตุผลคือชาวไทพวนใน ต.หินปัก เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และยังคงเป็นแหล่งที่มีประชากรชาวไทพวนหนาแน่น ผลการวิจัยพบว่า ความตระหนักของกลุ่มชาวไทพวนต่อกระบวนการโลกาภิวัตน์ใน 2 กลุ่มชี้วัดระหว่างหัวหน้าครอบครัวกับผู้นำชุมชนไม่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นว่ากระบวนการโลกาภิวัตน์จะมีผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชนของตนได้อย่างไร เนื่องจากสภาพการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของท้องถิ่นยังเป็นลักษณะ ค่อยเป็นค่อยไป สำหรับลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัตน์ ดังนี้ 1) ปัจจัยการได้รับข่าวสารของประชาชน 2) ปัจจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนา และ 3) ปัจจัยวิถีการดำเนินชีวิตชาวชนบทไทพวนด้านกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อกันในระบบเครือญาติ |
ดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนที่แขวงเชียงขวาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | โพไช สุนนะลาด | กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 | Research and Thesis DS570.L36พ92 2538 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035439 | งานวิจัยนี้ได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะการละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของชาวไทพวน กำลังประสบวิกฤตที่รุนแรงไม่แพ้สมัยสงครามอินโดจีน นั่นคือกระแสวัฒนธรรมของโลกตะวันตก เช่น เครื่องดนตรีแบบฝรั่ง จังหวะและทำนองเพลงของต่างชาติ ได้สร้างผลกระทบและนำความเสื่อมคลายให้ศิลปวัฒนธรรม การละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของไทพวนเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ของชาวไทพวน ศึกษาองค์ประกอบทั่วไปทางดนตรีของไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับชีวิตของชาวไทพวน ที่แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผลการวิจัยพบว่าชาวไทพวนมีเครื่องดนตรี 4 ประเภท ได้แก่ ดีด สี ตี เป่า ส่วนการละเล่นมี 3 ประเภท คือ ลำพวนและตอบผญา, ฟ้อน และร้องเพลง โดยองค์ประกอบของดนตรีชาวไทพวน มีองค์ประกอบ 5 อย่าง คือ การผสมวง นักแต่งเพลงหรือผู้ประพันธ์ นักดนตรี วิธีการบรรเลง และผู้ชมผู้ฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สำหรับการใช้ดนตรีในพิธีกรรมที่ แขวงเชียงขวาง มี 2 ลักษณะคือ การใช้ดนตรีในพิธีทางราชการ และการใช้ดนตรีในพิธีกรรมตามประเพณีท้องถิ่น |
วัฒนธรรมและประเพณีไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 | Book: DS570.ท95พ93 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038522 | หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติชาวพวน ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ก่อนการเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามกลางเมืองภายในประเทศ และสภาพบ้านเมืองภายหลังเกิดสงคราม การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของชาวพวน ชาวพวนมีประเพณีที่ประพฤติยึดถือกัน ได้แก่ 1) ฮีต 12 ซึ่งเป็นแนวทางวิธีปฏิบัติประจำในเดือนๆหนึ่งของปี ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของไทยภาคกลาง 2) คอง 14 เป็นแนวทาง วิถีทางที่ชาวพวนประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ในเล่มยังกล่าวถึงประเพณีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การเกิด การบวช การแต่งงาน การทำบุญบ้าน จนกระทั่งประเพณีที่เกี่ยวกับการตาย |
ตำนานไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 | Book: DS570.ท95พ94 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00009258 | นังสือกล่าวถึงประวัติของชาวพวน เริ่มตั้งแต่ขุนบรมราชาธิราชให้พระโอรสไปปกครองเมืองต่างๆ โดยพระโอรสเจ็ดเจิง (เจตเจื้อง) ได้สร้างและปกครองเมืองพวน หลังจากนั้นเกิดเมืองพวนเกิดสงครามทำให้ชาวพวนอพยพเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 5 ครั้ง ครั้งแรกสมัยแผ่นดินพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งที่สองสมัย พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งที่สามสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่สี่และห้าสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว การอพยพของชาวพวนกระจายอยู่ตามภาคต่างๆของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกลักษณ์ของชาวพวนเป็นคนรักสงบ ขยันขันแข็ง รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ ทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่วนท้ายเล่มผู้เขียนยังได้รวบรวมคำไทยพวนที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันอีกด้วย |
วัฒนธรรมและประเพณีไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 | Book: DS570.ท95พ93 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038522 | หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติชาวพวน ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ก่อนการเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามกลางเมืองภายในประเทศ และสภาพบ้านเมืองภายหลังเกิดสงคราม การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของชาวพวน ชาวพวนมีประเพณีที่ประพฤติยึดถือกัน ได้แก่ 1) ฮีต 12 ซึ่งเป็นแนวทางวิธีปฏิบัติประจำในเดือนๆหนึ่งของปี ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของไทยภาคกลาง 2) คอง 14 เป็นแนวทาง วิถีทางที่ชาวพวนประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ในเล่มยังกล่าวถึงประเพณีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การเกิด การบวช การแต่งงาน การทำบุญบ้าน จนกระทั่งประเพณีที่เกี่ยวกับการตาย |
ตำนานไทยพวน | โพธิ์ แซมลำเจียก | กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 | Book: DS570.ท95พ94 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00009258 | หนังสือกล่าวถึงประวัติของชาวพวน เริ่มตั้งแต่ขุนบรมราชาธิราชให้พระโอรสไปปกครองเมืองต่างๆ โดยพระโอรสเจ็ดเจิง (เจตเจื้อง) ได้สร้างและปกครองเมืองพวน หลังจากนั้นเกิดเมืองพวนเกิดสงครามทำให้ชาวพวนอพยพเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 5 ครั้ง ครั้งแรกสมัยแผ่นดินพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งที่สองสมัย พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งที่สามสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่สี่และห้าสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว การอพยพของชาวพวนกระจายอยู่ตามภาคต่างๆของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกลักษณ์ของชาวพวนเป็นคนรักสงบ ขยันขันแข็ง รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ ทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่วนท้ายเล่มผู้เขียนยังได้รวบรวมคำไทยพวนที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันอีกด้วย |
รายงานการวิจัยเรื่อง วงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้าของชนกลุ่มไทยพวน | สุพัตรา จิรนันทนาภรณ์ | พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2536 | Research and Thesis TS1413.ท9ส73 2536 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00024178 | งานหัตถกรรมทอผ้า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนออกมาเป็นรูปธรรมอย่างมีกระบวนการ โดยนัยสัมพันธ์กับการรวมกลุ่มทางสังคม ความผูกพันในครอบครัวและกลุ่มชาติพันธุ์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและจัดหมวดหมู่คำศัพท์ที่ใช้ในวัฒนธรรมการทอผ้าของไทยพวน เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่มรดก สิ่งทอของชนกลุ่มไท และเพื่อศึกษาภาพสะท้อนชีวิต ประเพณี และความเชื่อจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ขอบเขตของการศึกษาเป็นการสำรวจพื้นที่ภาคสนาม ในหมู่บ้านไทยพวนบ้านป่าแดง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร และ ในหมู่บ้าน ไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผลการศึกษาวิจัยได้วงคำศัพท์ที่ใช้ในการทอผ้าประมาณ 400 คำ โดยวงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้า จำแนกเป็น วงจรศัพท์สิ่งทอกับความเชื่อเรื่องประเพณี พิธีกรรม และศาสนา, วงจรศัพท์สิ่งทอกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน, วงจรศัพท์เทคนิคการทอ, วงจรศัพท์ลวดลายการทอ และวงจรศัพท์เครื่องมือและวัสดุการทอ |
รายงานการวิจัยเรื่อง วงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้าของชนกลุ่มไทยพวน | สุพัตรา จิรนันทนาภรณ์ | พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2536 | Research and Thesis TS1413.ท9ส73 2536 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00024178 | งานหัตถกรรมทอผ้า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนออกมาเป็นรูปธรรมอย่างมีกระบวนการ โดยนัยสัมพันธ์กับการรวมกลุ่มทางสังคม ความผูกพันในครอบครัวและกลุ่มชาติพันธุ์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและจัดหมวดหมู่คำศัพท์ที่ใช้ในวัฒนธรรมการทอผ้าของไทยพวน เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่มรดก สิ่งทอของชนกลุ่มไท และเพื่อศึกษาภาพสะท้อนชีวิต ประเพณี และความเชื่อจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ขอบเขตของการศึกษาเป็นการสำรวจพื้นที่ภาคสนาม ในหมู่บ้านไทยพวนบ้านป่าแดง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร และ ในหมู่บ้าน ไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ผลการศึกษาวิจัยได้วงคำศัพท์ที่ใช้ในการทอผ้าประมาณ 400 คำ โดยวงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้า จำแนกเป็น วงจรศัพท์สิ่งทอกับความเชื่อเรื่องประเพณี พิธีกรรม และศาสนา, วงจรศัพท์สิ่งทอกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน, วงจรศัพท์เทคนิคการทอ, วงจรศัพท์ลวดลายการทอ และวงจรศัพท์เครื่องมือและวัสดุการทอ |
เปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของพวน ตำบลหาดเสี้ยว สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ | ศีลธรรม ศรีสุข. | พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2533 | Research and Thesis DS570.พ5.ศ64 2533 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 | การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และเพื่อเปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยวิธีการวิจัยทางคติชนวิทยา ผลการศึกษาพบว่า ในบทสู่ขวัญของพวน 13 ประเภท ได้แก่ บทสู่ขวัญหลานน้อย นาคเณร นาคพระ ผู้สึกจากพระ-เณร ทหาร ทหารกลับถิ่น บ่าว-สาว ผู้เฒ่า บ้านใหม่ ผู้ป่วย ญาติผู้ตาย ข้าว และบทสู่ขวัญควาย มีค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด 12 ค่านิยมจาก 13 ค่านิยม ได้แก่ ค่านิยมเกี่ยวกับความกตัญญูรู้คุณ การเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ ความสันโดษ ความมั่งมีทรัพย์ หน้าที่ของสามีภรรยา การแต่งกายและอาภรณ์ การศึกษา การละเล่นบันเทิงใจ การรักษาเกียรติยศชื่อเสียง ผู้มีความรู้ และการใช้สติปัญญา ส่วนค่านิยมการเลือกคู่ครองไม่มีปรากฏในบทสู่ขวัญ และผลการเปรียบเทียบระหว่างค่านิยมที่พึงประสงค์กับค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้พบว่า ค่านิยมทั้งสองมีความหมายตรงกัน ได้แก่ ความสามัคคีกับความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ สำหรับค่านิยมที่ไม่ตรงกัน ได้แก่ ความมั่งมีทรัพย์ การแต่งกายและอาภรณ์ ผู้มีความรู้ การละเล่นบันเทิงใจ และความขยันหมั่นเพียร ส่วนค่านิยมที่นอกเหนือเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ การมีพลามัยที่ดี และค่านิยมที่ไม่ปรากฏในบทสู่ขวัญ ได้แก่ การพึ่งตนเอง ความรับผิดชอบ และการเลือกคู่ครอง |
เปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของพวน ตำบลหาดเสี้ยว สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ | ศีลธรรม ศรีสุข. | พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2533 | Research and Thesis DS570.พ5.ศ64 2533 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 | การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย และเพื่อเปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยวิธีการวิจัยทางคติชนวิทยา ผลการศึกษาพบว่า ในบทสู่ขวัญของพวน 13 ประเภท ได้แก่ บทสู่ขวัญหลานน้อย นาคเณร นาคพระ ผู้สึกจากพระ-เณร ทหาร ทหารกลับถิ่น บ่าว-สาว ผู้เฒ่า บ้านใหม่ ผู้ป่วย ญาติผู้ตาย ข้าว และบทสู่ขวัญควาย มีค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด 12 ค่านิยมจาก 13 ค่านิยม ได้แก่ ค่านิยมเกี่ยวกับความกตัญญูรู้คุณ การเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ ความสันโดษ ความมั่งมีทรัพย์ หน้าที่ของสามีภรรยา การแต่งกายและอาภรณ์ การศึกษา การละเล่นบันเทิงใจ การรักษาเกียรติยศชื่อเสียง ผู้มีความรู้ และการใช้สติปัญญา ส่วนค่านิยมการเลือกคู่ครองไม่มีปรากฏในบทสู่ขวัญ และผลการเปรียบเทียบระหว่างค่านิยมที่พึงประสงค์กับค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้พบว่า ค่านิยมทั้งสองมีความหมายตรงกัน ได้แก่ ความสามัคคีกับความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ สำหรับค่านิยมที่ไม่ตรงกัน ได้แก่ ความมั่งมีทรัพย์ การแต่งกายและอาภรณ์ ผู้มีความรู้ การละเล่นบันเทิงใจ และความขยันหมั่นเพียร ส่วนค่านิยมที่นอกเหนือเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ การมีพลามัยที่ดี และค่านิยมที่ไม่ปรากฏในบทสู่ขวัญ ได้แก่ การพึ่งตนเอง ความรับผิดชอบ และการเลือกคู่ครอง |
รายงานผลการวิจัยเรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวลาวเวียงและลาวพวนใน อำเภอพนมสารคามและอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา | เพ็ญศรี ดุ๊ก, นารี สาริกะภูติ | [กรุงเทพฯ]: โครงการไทยศึกษา จุฬาฯ, 2529 | Research and Thesis DS570.ล52พ72 2529 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038520 | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของการอพยพของชาวลาวพวนและลาวเวียงในอำเภอ พนมสารคามและสนามชัยเขต ในจังหวัดฉะเชิงเทราในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และศึกษาการตั้งถิ่นฐาน การปกครองการเสียภาษีตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนกลุ่มน้อยทั้ง 2 กลุ่ม โดยมีวิธีการวิจัยคือ การสัมภาษณ์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากบุตรหลานของชาวพวนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ศึกษาข้อมูลจากจารึก ศึกษาข้อมูจากเอกสารจดหมายเหตุ และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า ชาวลาวเวียงและลาวพวนในฉะเชิงเทราอพยพเข้ามาในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และถูกกวาดต้อนและเกลี้ยกล่อมเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์ ทางการได้กำหนดพื้นที่ให้อยู่ที่บ้านท่าทร่าน ต่อมาได้ยกบ้านท่าทร่านเป็นเมืองพนมสารคาม และยกบ้านพระงามเป็นเมืองสนามชัยเขต ชาวพวนที่อพยพเข้ามามีตั้งแต่เจ้านาย ครอบครัว ภิกษุสามเณร และสามัญชน |
รายงานผลการวิจัยเรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวลาวเวียงและลาวพวนใน อำเภอพนมสารคามและอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา | เพ็ญศรี ดุ๊ก, นารี สาริกะภูติ | [กรุงเทพฯ]: โครงการไทยศึกษา จุฬาฯ, 2529 | Research and Thesis DS570.ล52พ72 2529 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038520 | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของการอพยพของชาวลาวพวนและลาวเวียงในอำเภอ พนมสารคามและสนามชัยเขต ในจังหวัดฉะเชิงเทราในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และศึกษาการตั้งถิ่นฐาน การปกครองการเสียภาษีตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนกลุ่มน้อยทั้ง 2 กลุ่ม โดยมีวิธีการวิจัยคือ การสัมภาษณ์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากบุตรหลานของชาวพวนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ศึกษาข้อมูลจากจารึก ศึกษาข้อมูจากเอกสารจดหมายเหตุ และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า ชาวลาวเวียงและลาวพวนในฉะเชิงเทราอพยพเข้ามาในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และถูกกวาดต้อนและเกลี้ยกล่อมเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์ ทางการได้กำหนดพื้นที่ให้อยู่ที่บ้านท่าทร่าน ต่อมาได้ยกบ้านท่าทร่านเป็นเมืองพนมสารคาม และยกบ้านพระงามเป็นเมืองสนามชัยเขต ชาวพวนที่อพยพเข้ามามีตั้งแต่เจ้านาย ครอบครัว ภิกษุสามเณร และสามัญชน |
รายงานการศึกษาชุมชน ชาวพวน-หมู่บ้านโพธิ์ศรี ตำบลบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. | กรุงเทพฯ: แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2521. | Book: DS570.ท93 ธ44 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00000268 | การศึกษานี้นับเป็นการศึกษาวัฒนธรรมลาวพวน ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประกอบ การศึกษาวิจัยให้แก่นักศึกษาของแผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ปัญหา วิธีการศึกษา และการวิจัยชุมชน ชาวพวนในหมูบ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีการปรับเปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่สังคมเมืองมากขึ้น แต่ความเชื่อทางศาสนาและไสยศาสตร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ในการศึกษานี้จะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ความเชื่ออำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยาม ดวงชะตา ไสยศาสตร์ และการรักษาโรค รวมทั้งได้ศึกษาประเพณีของลาวพวนบางส่วนเนื่องจากในปัจจุบันชาวพวนต้องติดต่อกับพ่อค้าในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า นำผลผลิตในหมู่บ้านไปขายยังตลาดในเมือง ทำให้ชาวพวนมีฐานะค่อนข้างดี เพราะชาวพวนจะทำธุรกิจทุกอย่างเองไม่ยอมให้คนแปลกหน้า เช่น ชาวจีน เข้ามามีบทบาทภายในหมู่บ้าน นอกจากนี้ชาวพวนได้รับค่านิยมด้านความร่ำรวยเข้ามาในวิถีชีวิต ดังจะเห็นได้จากการทำบุญของชาวพวนมักจะอธิษฐานขอความร่ำรวยเป็นอันดับแรก |
รายงานการศึกษาชุมชน ชาวพวน-หมู่บ้านโพธิ์ศรี ตำบลบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี | มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | กรุงเทพฯ: แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2521 | Book: DS570.ท93 ธ44 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00000268 | การศึกษานี้นับเป็นการศึกษาวัฒนธรรมลาวพวน ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประกอบ การศึกษาวิจัยให้แก่นักศึกษาของแผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ปัญหา วิธีการศึกษา และการวิจัยชุมชน ชาวพวนในหมูบ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีการปรับเปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่สังคมเมืองมากขึ้น แต่ความเชื่อทางศาสนาและไสยศาสตร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ในการศึกษานี้จะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ความเชื่ออำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยาม ดวงชะตา ไสยศาสตร์ และการรักษาโรค รวมทั้งได้ศึกษาประเพณีของลาวพวนบางส่วนเนื่องจากในปัจจุบันชาวพวนต้องติดต่อกับพ่อค้าในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า นำผลผลิตในหมู่บ้านไปขายยังตลาดในเมือง ทำให้ชาวพวนมีฐานะค่อนข้างดี เพราะชาวพวนจะทำธุรกิจทุกอย่างเองไม่ยอมให้คนแปลกหน้า เช่น ชาวจีน เข้ามามีบทบาทภายในหมู่บ้าน นอกจากนี้ชาวพวนได้รับค่านิยมด้านความร่ำรวยเข้ามาในวิถีชีวิต ดังจะเห็นได้จากการทำบุญของชาวพวนมักจะอธิษฐานขอความร่ำรวยเป็นอันดับแรก |
การศึกษาความเชื่อถือของชาวพวนกับการพัฒนาชุมชนที่หมู่บ้านเชียงงา ต.เชียงงา อ.บ้านหมี่ จ. ลพบุรี | พหลยุทธ รุณภัย. | [กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์], 2515 | Research and Thesis DS570.พ5พ54 2515. | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037172 | ารวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความเชื่อถือของชาวพวนแล้วนำผลของการศึกามาวิเคราะห์แนวคิดของการพัฒนาชุมชนว่าจะเกิดผลอย่างไร เพื่อศึกษาถึงพื้นฐานในทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวพวนนั้นว่าเป็นอย่างไร และเพื่อศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมชาวพวนภายหลังที่ได้เคลื่อนย้ายมาอยู่ที่บ้านหมี่ว่ามีแนวโน้มไปใน ทางใดบ้าง โดยแนวทางในการศึกษาความเชื่อถือของชาวพวน คือความเชื่อถือและพฤติกรรมด้านศาสนาและประเพณี ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือต่างๆของหมู่บ้านเชียงงา ผลการวิจัยแบ่งเป็น 1) ความเชื่อถือที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อถือในทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ความเชื่อถือเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือด้าน ไสยศาสตร์ 2) ความเชื่อถือที่ส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับการไปทำบุญที่วัด ความเชื่อถือในเรื่อง คำสอนในพุทธศาสนา ความเชื่อถือในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อถือในเรื่องศักดิ์ศรีของชาย-หญิง และจากสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน พบว่าชาวพวนนิยมให้ลูกหลานได้รับการศึกษามากขึ้นกว่าแต่เดิม เมื่อได้รับการศึกษาสูงขึ้นจะได้ทำอาชีพทางราชการ ทั้งนี้เพราะชาวบ้านเชื่อว่าการรับราชการนั้นดีกว่าการทำนา ส่งผลให้ชาวบ้านมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายออกไปยังพื้นที่อื่นอีกครั้ง |
การศึกษาความเชื่อถือของชาวพวนกับการพัฒนาชุมชนที่หมู่บ้านเชียงงา ต.เชียงงา อ.บ้านหมี่ จ. ลพบุรี | พหลยุทธ รุณภัย. | [กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์], 2515 | Research and Thesis DS570.พ5พ54 2515. | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037172 | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความเชื่อถือของชาวพวนแล้วนำผลของการศึกามาวิเคราะห์แนวคิดของการพัฒนาชุมชนว่าจะเกิดผลอย่างไร เพื่อศึกษาถึงพื้นฐานในทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวพวนนั้นว่าเป็นอย่างไร และเพื่อศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมชาวพวนภายหลังที่ได้เคลื่อนย้ายมาอยู่ที่บ้านหมี่ว่ามีแนวโน้มไปใน ทางใดบ้าง โดยแนวทางในการศึกษาความเชื่อถือของชาวพวน คือความเชื่อถือและพฤติกรรมด้านศาสนาและประเพณี ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือต่างๆของหมู่บ้านเชียงงา ผลการวิจัยแบ่งเป็น 1) ความเชื่อถือที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อถือในทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ความเชื่อถือเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือด้าน ไสยศาสตร์ 2) ความเชื่อถือที่ส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับการไปทำบุญที่วัด ความเชื่อถือในเรื่อง คำสอนในพุทธศาสนา ความเชื่อถือในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อถือในเรื่องศักดิ์ศรีของชาย-หญิง และจากสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน พบว่าชาวพวนนิยมให้ลูกหลานได้รับการศึกษามากขึ้นกว่าแต่เดิม เมื่อได้รับการศึกษาสูงขึ้นจะได้ทำอาชีพทางราชการ ทั้งนี้เพราะชาวบ้านเชื่อว่าการรับราชการนั้นดีกว่าการทำนา ส่งผลให้ชาวบ้านมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายออกไปยังพื้นที่อื่นอีกครั้ง |
Lao-Tai textiles : the textiles of Xam Nuea and Muang Phuan | Patricia Cheesman. | Bangkok : Amarin Press, 2004 | Book: NK8878.6.L3C44 2004 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00066764 | จากการศึกษาเรื่องผ้าของผู้เขียนซึ่งมุ่งศึกษาแง่ประวัติศาสตร์ของผ้าและศิลปะการทอผ้าของชาวลาว-ไท กลุ่มชนผู้ใช้ภาษาตระกูลไท-กะได โดยมุ่งเน้นในการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณและเครื่องนุ่งห่มของเมืองซำเหนือและเมืองพวน ซึ่งเป็นหัวเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญในอดีต ปัจจุบันคือบริเวณจังหวัดหัวพันและเชียงขวางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนต้นของหนังสือเริ่มด้วยข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเมืองซำเหนือและเมืองพวน รวมไปถึงมุมมองทางด้านวัฒนธรรมของกลุ่มชนเหล่านี้ จากนั้นจึงเป็นการการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณโดยศึกษาทั้งรูปแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่กลุ่มชนพื้นเมืองในพื้นที่นั้น อันประกอบไปด้วย ชาวไทแดง ไทลื้อ ไทเหนือ ไทดำ และอื่นๆ ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปจำแนกเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิง เสื้อผ้าที่ใช้สำหรับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ เทคนิคการย้อมสีและทอผ้า แม่ลายและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของลายผ้าที่ใช้ |
Lao-Tai textiles : the textiles of Xam Nuea and Muang Phuan | Patricia Cheesman. | Bangkok : Amarin Press, 2004 | Book: NK8878.6.L3C44 2004 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00066764 | จากการศึกษาเรื่องผ้าของผู้เขียนซึ่งมุ่งศึกษาแง่ประวัติศาสตร์ของผ้าและศิลปะการทอผ้าของชาวลาว-ไท กลุ่มชนผู้ใช้ภาษาตระกูลไท-กะได โดยมุ่งเน้นในการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณและเครื่องนุ่งห่มของเมืองซำเหนือและเมืองพวน ซึ่งเป็นหัวเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญในอดีต ปัจจุบันคือบริเวณจังหวัดหัวพันและเชียงขวางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนต้นของหนังสือเริ่มด้วยข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเมืองซำเหนือและเมืองพวน รวมไปถึงมุมมองทางด้านวัฒนธรรมของกลุ่มชนเหล่านี้ จากนั้นจึงเป็นการการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณโดยศึกษาทั้งรูปแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่กลุ่มชนพื้นเมืองในพื้นที่นั้น อันประกอบไปด้วย ชาวไทแดง ไทลื้อ ไทเหนือ ไทดำ และอื่นๆ ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปจำแนกเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิง เสื้อผ้าที่ใช้สำหรับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ เทคนิคการย้อมสีและทอผ้า แม่ลายและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของลายผ้าที่ใช้ |
Travels in upper Laos and Siam : with an account of the Chinese Haw invasion and Puan resistance | P. Neis ; translation and introduction by Walter E. J. Tips. | Bangkok: White lotus press, 1997 | Book: DS555.36.N45 1997 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016338 | รายงานการเดินทางสำรวจลาวเหนือ และชายแดนระหว่างพม่าภายใต้การปกครองของจีน เวียดนามและไทย ของนายแพทย์ P. Neis ในปีค.ศ. 1882 ภายใต้การอนุเคราะห์ของกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส เพื่อศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทางการค้าที่เป็นไปได้ ในการเดินทางนี้นายแพทย์ P. Neis ได้พบชาวพวนที่อพยพหนีการรุกรานจากโจรจีนฮ่อลงมาจากเมืองพวน จากนั้นนายแพทย์ P. Neis จึงหาทางกลับมายังหลวงพระบางอีกครั้ง และเดินทางจากหลวงพระบางลงไปยังแถบลุ่มแม่น้ำอูเรื่อยลงไปยัง เชียงของ เชียงฮาย เชียงใหม่ จนถึงบางกอก การเดินทางนี้ยาวนานทั้งสิ้น 19 เดือน |
Travels in upper Laos and Siam : with an account of the Chinese Haw invasion and Puan resistance | P. Neis ; translation and introduction by Walter E. J. Tips | Bangkok: White lotus press, 1997 | Book: DS555.36.N45 1997 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016338 | รายงานการเดินทางสำรวจลาวเหนือ และชายแดนระหว่างพม่าภายใต้การปกครองของจีน เวียดนามและไทย ของนายแพทย์ P. Neis ในปีค.ศ. 1882 ภายใต้การอนุเคราะห์ของกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส เพื่อศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทางการค้าที่เป็นไปได้ ในการเดินทางนี้นายแพทย์ P. Neis ได้พบชาวพวนที่อพยพหนีการรุกรานจากโจรจีนฮ่อลงมาจากเมืองพวน จากนั้นนายแพทย์ P. Neis จึงหาทางกลับมายังหลวงพระบางอีกครั้ง และเดินทางจากหลวงพระบางลงไปยังแถบลุ่มแม่น้ำอูเรื่อยลงไปยัง เชียงของ เชียงฮาย เชียงใหม่ จนถึงบางกอก การเดินทางนี้ยาวนานทั้งสิ้น 19 เดือน |
A culture in search of survival : the Phuan of Thailand and Laos | Snit Smuckarn, Kennon Breazeale. | Connecticut, USA : Yale University Southeast Asia Studies, 1997 | Book: DS570.P52S68 1988 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00019213 | หนังสือประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองพวน เจาะลึกด้านการเมืองการปกครองที่มีส่วนเกี่ยวพันถึงการอพยพประชากรและตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวพวนในส่วนต่าง ๆ ของประเทศประเทศไทย อันได้แก่ การตั้งถิ่นฐานของชาวพวน สงครามและการกลับมาปกครองเมืองพวนอีกครั้งของผู้ครองนครพวน นโยบายของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนการปรับตัวของชาวพวนเมื่อเข้าสู่สังคมไทย วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวพวนที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ไปจนถึงเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงห้าชั่วอายุคนตั้งแต่ชาวพวนเริ่มอพยพเข้าสู่ไทย โดยการเก็บข้อมูลนั้นมีขึ้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 |
A culture in search of survival : the Phuan of Thailand and Laos | Snit Smuckarn, Kennon Breazeale | Connecticut, USA : Yale University Southeast Asia Studies, 1997 | Book: DS570.P52S68 1988 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00019213 | หนังสือประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองพวน เจาะลึกด้านการเมืองการปกครองที่มีส่วนเกี่ยวพันถึงการอพยพประชากรและตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวพวนในส่วนต่าง ๆ ของประเทศประเทศไทย อันได้แก่ การตั้งถิ่นฐานของชาวพวน สงครามและการกลับมาปกครองเมืองพวนอีกครั้งของผู้ครองนครพวน นโยบายของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนการปรับตัวของชาวพวนเมื่อเข้าสู่สังคมไทย วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวพวนที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ไปจนถึงเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงห้าชั่วอายุคนตั้งแต่ชาวพวนเริ่มอพยพเข้าสู่ไทย โดยการเก็บข้อมูลนั้นมีขึ้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 |
Discourse structure in Phuan | Chaluay Boonprasert. | Faculty of Graduate Studies: Mahidol University, 1982 | Research and Thesis PL4195.P58C53 1982 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046427 | การศึกษาภาษาระดับข้อความและโครงสร้างกลุ่มประโยคในภาษาพวน อันเป็นภาษาที่มีการใช้ในเวียงจันท์และหลวงพระบางในประเทศลาว รวมไปถึงกระจายตัวในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยภาษาพวนในการศึกษานี้เป็นภาษาพวนที่มีการใช้กันในหมู่บ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อหาแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนบทนำเกี่ยวกับภาษาพวน ความเป็นมา ของชาวพวนและการออกเสียง ส่วนโครงสร้างกลุ่มประโยค และส่วนโครงสร้างข้อความ |
Discourse structure in Phuan | Chaluay Boonprasert. | Faculty of Graduate Studies: Mahidol University, 1982 | Research and Thesis PL4195.P58C53 1982 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046427 | การศึกษาภาษาระดับข้อความและโครงสร้างกลุ่มประโยคในภาษาพวน อันเป็นภาษาที่มีการใช้ในเวียงจันท์และหลวงพระบางในประเทศลาว รวมไปถึงกระจายตัวในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยภาษาพวนในการศึกษานี้เป็นภาษาพวนที่มีการใช้กันในหมู่บ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อหาแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนบทนำเกี่ยวกับภาษาพวน ความเป็นมา ของชาวพวนและการออกเสียง ส่วนโครงสร้างกลุ่มประโยค และส่วนโครงสร้างข้อความ |
Peasantry and modernization : a study of the Phuan in central Thailand | Snit Smuckarn. | Graduate Division: University of Hawah, 1972 | Research and Thesis DS570.P5 S65 1972 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00041099 | การศึกษาเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวพวนในภาคกลางของประเทศไทย เป็นการมุ่งเน้นการศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจซึ่งสัมพันธ์กับกระบวนการปรับตัวของชนกลุ่มน้อยให้เข้ากับกระแสหลักของสังคมที่ใหญ่กว่า โดยศึกษาจากหมู่บ้านชาวพวนสองหมู่บ้านคือ บางกะพี้และบ้านเซ่า ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ด้วยการเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ และ Life History Collection ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2513 ถึง เดือนเมษายน 2514 |
Peasantry and modernization : a study of the Phuan in central Thailand | Snit Smuckarn. | Graduate Division: University of Hawah, 1972 | Research and Thesis DS570.P5 S65 1972 | http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00041099 | การศึกษาเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวพวนในภาคกลางของประเทศไทย เป็นการมุ่งเน้นการศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจซึ่งสัมพันธ์กับกระบวนการปรับตัวของชนกลุ่มน้อยให้เข้ากับกระแสหลักของสังคมที่ใหญ่กว่า โดยศึกษาจากหมู่บ้านชาวพวนสองหมู่บ้านคือ บางกะพี้และบ้านเซ่า ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ด้วยการเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ และ Life History Collection ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2513 ถึง เดือนเมษายน 2514 |