Title Author Imprint Collection Url Annotation
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/about.php ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย รวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์มาสรุปสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยา โดยมีการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่เรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตัวเอง เทียบเคียงกับชื่อเรียกโดยคนอื่น และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
 
ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ทั้งแผนที่แสดงที่ตั้งถิ่นฐาน สภาพภายในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้ชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่คนในใช้เรียกตัวเองหรือต้องการให้สังคมเรียกในชื่อนี้ รวมถึงการค้นคว้าเนื้อหาที่แสดงให้เห็นพลวัตและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณะมีความรับรู้และเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น


 
ชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ https://www.facebook.com/thaipuansoceity/ Facebook ของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ที่มักจะนำสาระความรู้และความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวไทยพวนมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันอยู่เสมอ ตลอดจนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดในประเด็นต่างๆ และยังช่วยให้กลุ่มชาวไทยพวนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น


 
ไทยพวนลพบุรี ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี. [ลพบุรี: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี, [254-?] Book: DS570.ล65ท94 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057808 หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวนในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ชาวพวนที่อพยพได้มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยไม่ได้อพยพมาพร้อมกันในครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้ 1) สมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย 2) สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3) สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 4) สมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมาตั้งถิ่นฐานแล้วนั้น ชาวพวนนิยมตั้งชื่อหมู่บ้านเหมือนกับหมู่บ้านที่เคยอยู่ที่
เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวพวนมักพูดภาษาพวนกันในหมู่ของตนเองเท่านั้น แต่แนวโน้มในปัจจุบันภาษาพวนถูกกลืนโดยภาษาไทยเนื่องจากการเรียนการสอนระบบปัจจุบัน
การประกอบอาชีพของชาวพวนมีอาชีพหลักคือทำนาข้าว เพื่อใช้ในการบริโภคเป็นหลัก และมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นแรงงานและอาหาร ชาวพวนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดอดออม มีการทอเครื่องนุ่งห่มด้วยตนเอง บ้านเรือนของชาวพวนมีลักษณะใต้ถุนสูงเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเท ใช้พื้นที่ด้านล่างเลี้ยงสัตว์ และบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของชาวพวนที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ

 
ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/about.php ฐานข้อมูลงานวิจัยทางชาติพันธุ์ในประเทศไทย รวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์มาสรุปสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยา โดยมีการจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่เรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตัวเอง เทียบเคียงกับชื่อเรียกโดยคนอื่น และเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

 
ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ http://www.sac.or.th/databases/ethnic-groups/ ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลของกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ทั้งแผนที่แสดงที่ตั้งถิ่นฐาน สภาพภายในหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน การแต่งกาย ความเป็นอยู่ ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ โดยใช้ชื่อเรียกกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยชื่อที่คนในใช้เรียกตัวเองหรือต้องการให้สังคมเรียกในชื่อนี้ รวมถึงการค้นคว้าเนื้อหาที่แสดงให้เห็นพลวัตและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับบริบทและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สาธารณะมีความรับรู้และเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากขึ้น
 
ชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ไม่ระบุ ไม่ระบุ ไม่ระบุ https://www.facebook.com/thaipuansoceity/ Facebook ของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย ที่มักจะนำสาระความรู้และความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวไทยพวนมาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันอยู่เสมอ ตลอดจนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดในประเด็นต่างๆ และยังช่วยให้กลุ่มชาวไทยพวนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น
 
ไทยพวนลพบุรี ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี. [ลพบุรี: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดลพบุรี, [254-?] Book: DS570.ล65ท94 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057808 หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวนในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ชาวพวนที่อพยพได้มาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยไม่ได้อพยพมาพร้อมกันในครั้งเดียว แต่สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้ 1) สมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย 2) สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3) สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว 4) สมัยพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมาตั้งถิ่นฐานแล้วนั้น ชาวพวนนิยมตั้งชื่อหมู่บ้านเหมือนกับหมู่บ้านที่เคยอยู่ที่
เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวพวนมักพูดภาษาพวนกันในหมู่ของตนเองเท่านั้น แต่แนวโน้มในปัจจุบันภาษาพวนถูกกลืนโดยภาษาไทยเนื่องจากการเรียนการสอนระบบปัจจุบัน
การประกอบอาชีพของชาวพวนมีอาชีพหลักคือทำนาข้าว เพื่อใช้ในการบริโภคเป็นหลัก และมีการเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นแรงงานและอาหาร ชาวพวนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ประหยัดอดออม มีการทอเครื่องนุ่งห่มด้วยตนเอง บ้านเรือนของชาวพวนมีลักษณะใต้ถุนสูงเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเท ใช้พื้นที่ด้านล่างเลี้ยงสัตว์ และบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัย ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของชาวพวนที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ
บ้านและเรือนพวนบางปลาม้า : จากเชียงขวางสู่ลุ่มน้ำภาคกลางของไทย อรศิริ ปาณินท์. กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2555 Book: DS570.พ5อ45 2555 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077543 หนังสือล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับการศึกษาการปรับตัวของกลุ่มพวนในไทยที่โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีบริบทธรรมชาติและระบบนิเวศที่แตกต่างไปจากบริบทดั้งเดิมของถิ่นกำเนิด กรณีศึกษากลุ่มพวนในจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งมีอายุการตั้งถิ่นฐานประมาณ 200 ปี ชาวพวนที่เข้ามาอยู่ในไทยมีสถานะต้องปรับตัวในสังคมร่วมกับวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นวัฒนธรรมหลัก ในบางกลุ่มยังต้องเผชิญกับบริบททางธรรมชาติที่แตกต่างไปจากต้นกำเนิดซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ที่ลาดเนินเขา กลายเป็นพื้นที่ลุ่ม และยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำหลากและน้ำท่วมล้นตลิ่งอีกด้วย
 
บ้านและเรือนพวนบางปลาม้า : จากเชียงขวางสู่ลุ่มน้ำภาคกลางของไทย อรศิริ ปาณินท์. กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2555 Book: DS570.พ5อ45 2555 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077543 หนังสือล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับการศึกษาการปรับตัวของกลุ่มพวนในไทยที่โยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีบริบทธรรมชาติและระบบนิเวศที่แตกต่างไปจากบริบทดั้งเดิมของถิ่นกำเนิด กรณีศึกษากลุ่มพวนในจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งมีอายุการตั้งถิ่นฐานประมาณ 200 ปี ชาวพวนที่เข้ามาอยู่ในไทยมีสถานะต้องปรับตัวในสังคมร่วมกับวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นวัฒนธรรมหลัก ในบางกลุ่มยังต้องเผชิญกับบริบททางธรรมชาติที่แตกต่างไปจากต้นกำเนิดซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ที่ลาดเนินเขา กลายเป็นพื้นที่ลุ่ม และยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำหลากและน้ำท่วมล้นตลิ่งอีกด้วย
 
บ้านและเรือนพวนเชียงขวาง : การกลับมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่เดิม อรศิริ ปาณินท์ และ นพพล จันทวีระ กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2554 Book: DS570.พ5อ44 2554 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077557 หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับชาวพวนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง เดิมตั้งถิ่นฐานที่เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารรณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวพวนอพยพออกจากเมืองเพื่อลี้ภัยทางสงครามไปยังพื้นที่ต่างๆเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี แล้วจึงได้ย้อนกลับไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เดิมอีกครั้ง บ้านเรือนของชาวพวนได้ถูกปรับเปลี่ยนตั้งแต่การตั้งบ้านเรือน จะสร้างบ้านเรือนเป็นแนวยาวทั้งสองฟากถนนหลักที่มีสารธารณูปโภคจากภาครัฐ ภายในเรือนของชาวพวนมีการปรับย้ายเตาไฟ ซึ่งแต่เดิมอยู่กลางบ้าน ย้ายไปอยู่หลังบ้านแทน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน และไม่ทำให้เปรอะเปื้อนในส่วนพื้นที่นอน
 
บ้านและเรือนพวนเชียงขวาง : การกลับมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่เดิม อรศิริ ปาณินท์ และ นพพล จันทวีระ กรุงเทพฯ: อุษาคเนย์, 2554 Book: DS570.พ5อ44 2554 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00077557 หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การศึกษาแบบองค์รวมของการปรับตัวในบริบทใหญ่ที่แตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว ในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางของประเทศไทย” จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื้อหาภายในเล่มเกี่ยวกับชาวพวนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง เดิมตั้งถิ่นฐานที่เมืองพวน แขวงเชียงขวาง สาธารรณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวพวนอพยพออกจากเมืองเพื่อลี้ภัยทางสงครามไปยังพื้นที่ต่างๆเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี แล้วจึงได้ย้อนกลับไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เดิมอีกครั้ง บ้านเรือนของชาวพวนได้ถูกปรับเปลี่ยนตั้งแต่การตั้งบ้านเรือน จะสร้างบ้านเรือนเป็นแนวยาวทั้งสองฟากถนนหลักที่มีสารธารณูปโภคจากภาครัฐ ภายในเรือนของชาวพวนมีการปรับย้ายเตาไฟ ซึ่งแต่เดิมอยู่กลางบ้าน ย้ายไปอยู่หลังบ้านแทน เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน และไม่ทำให้เปรอะเปื้อนในส่วนพื้นที่นอน
 
ประวัติศาสตร์ "พวน" มาจากไหน ไพบูลย์ วิริยะพัฒนไพบูลย์ กรุงเทพฯ: เลิศชัยการพิมพ์ 2, 2553 Book: DS570.พ5พ97 2553 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00084286 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ชาติภูมิ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองพวน” ของท้าวภูมี วงวิจิด ทำให้ผู้เขียนนำหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นหลักในการเขียน แล้วจึงหาข้อมูลนำหนังสือเล่มอื่นๆมาประกอบ เพื่อให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังแขวงนครเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาประกอบเนื้อหาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
 
ประวัติศาสตร์ "พวน" มาจากไหน ไพบูลย์ วิริยะพัฒนไพบูลย์ กรุงเทพฯ: เลิศชัยการพิมพ์ 2, 2553 Book: DS570.พ5พ97 2553 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00084286 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์ชาติภูมิ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์เมืองพวน” ของท้าวภูมี วงวิจิด ทำให้ผู้เขียนนำหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นหลักในการเขียน แล้วจึงหาข้อมูลนำหนังสือเล่มอื่นๆมาประกอบ เพื่อให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เขียนได้เดินทางไปเก็บข้อมูลยังแขวงนครเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาประกอบเนื้อหาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
พิธีไหว้ปู่ตา : ว่าด้วยความเป็นพวนและชุมชนโคกหัวข้าว อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา ปัญญา วารปรีดี และคณะ ฉะเชิงเทรา: มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, 2552 Book: บุญมา พงษ์โหมด. http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073408 อกสารชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยตามโครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยของมหาวิทยาลัย
ราชนคริทร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวน ในพื้นที่บ้านโคกหัวข้าว ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
ชาวพวนลี้ภัยสงครามจึงอพยพมาจากแคว้นเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในประเทศไทยตามภาคต่างๆ โดยชุมชนโคกหัวข้าวยังคงมีบ้านเรือนที่มีลักษณะดั้งเดิมของชาวพวน คือมีจั่วสูง หลงเหลืออยู่ไม่กี่หลัง ภายในหมู่บ้านยังคงมี “ศาลากลางบ้าน” และ “ศาลปู่ตา” ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญของชาวโคกหัวข้าว ศาลปู่ตานี้ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน มีการบนบานและกราบไว้ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่งอกงาม ชาวโคกหัวข้าวยังยึดมั่นประกอบพิธีกรรมร่วมกันในช่วง 6 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ของทุกปีโดยตลอดมา

 
พิธีไหว้ปู่ตา : ว่าด้วยความเป็นพวนและชุมชนโคกหัวข้าว อำเภอพนมสารคาม จังหวัด ฉะเชิงเทรา ปัญญา วารปรีดี และคณะ ฉะเชิงเทรา: มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, 2552 Book: บุญมา พงษ์โหมด. http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00073408 เอกสารชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยตามโครงการสืบสานวัฒนธรรมไทยของมหาวิทยาลัย
ราชนคริทร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวพวน ในพื้นที่บ้านโคกหัวข้าว ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา
ชาวพวนลี้ภัยสงครามจึงอพยพมาจากแคว้นเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในประเทศไทยตามภาคต่างๆ โดยชุมชนโคกหัวข้าวยังคงมีบ้านเรือนที่มีลักษณะดั้งเดิมของชาวพวน คือมีจั่วสูง หลงเหลืออยู่ไม่กี่หลัง ภายในหมู่บ้านยังคงมี “ศาลากลางบ้าน” และ “ศาลปู่ตา” ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญของชาวโคกหัวข้าว ศาลปู่ตานี้ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน มีการบนบานและกราบไว้ เพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่งอกงาม ชาวโคกหัวข้าวยังยึดมั่นประกอบพิธีกรรมร่วมกันในช่วง 6 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 12 ของทุกปีโดยตลอดมา

 
บันทึก...วิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 จังหวัดนครนายก ปัญญา วารปรีดี และคณะ [นครนายก: ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากพลี, 2550] Book: DS570.ท93ป63 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00060787 บันทึกวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ..2550 เป็นเอกสารวิจัยทางวิชาการ
มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี โดยศึกษาจากการสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์และศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ผลการศึกษาพบว่าชาวไทยพวนเดินทางมาจาก
เมืองพวน ในแขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วยเหตุผลจากสงคราม ชาวไทยพวนใช้ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกลุ่มของตนเอง มีวิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับจารีตประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในสิบสองเดือน
ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของคนไทยภาคกลาง ทำให้คนไทยพวนนั้นมีความผูกพันกับวัดและ
พุทธศาสนา อีกทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เห็นได้จาก “ศาลปู่ตา” ที่จะในทุกหมู่บ้านของชาวไทยพวน ทั้งนี้ขาวไทยพวนที่ อำเภอปากพลี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีการจัดตั้ง “ชมรมไทยพวน” และมีสภาวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปแบบอีกด้วย

 
ไทยพวน : ชนเชื้อชาติไทย (พวน) โสภณ เครือเพ็ชร์ [นครนายก: ม.ป.พ., 2550] Book: DS570.ท95ส94 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00054248 ถิ่นกำเนิดของของชาวไทพวน เริ่มตั้งแต่ “พ่อขุนบูรม” ได้รวบรวมชนชาติต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสร้างอาณาจักรขึ้นซึ่งนักประวัติศาสตร์เรียกอาณาจักรนี้ว่า “แดนพวน” จนกระทั่งดินแดนพวนเกิดสงคราม
ทั้งสงครามการรุกรานอำนาจเพื่อล่าอาณานิคม และเหตุที่ไทยสยามเสียดินแดนให้แก่มหาอำนาจตะวันตก ทำให้
ชาวพวนบางส่วนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสงคราม และบางส่วนอพยพมาด้วยตนเองเพื่อลี้ภัยทางสงคราม เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เรื่อยมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 
บันทึก...วิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 จังหวัดนครนายก ปัญญา วารปรีดี และคณะ [นครนายก: ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอปากพลี, 2550] Book: DS570.ท93ป63 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00060787 บันทึกวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี พ.ศ.2550 เป็นเอกสารวิจัยทางวิชาการ
มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลี โดยศึกษาจากการสำรวจ การสังเกต การสัมภาษณ์และศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ผลการศึกษาพบว่าชาวไทยพวนเดินทางมาจาก
เมืองพวน ในแขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้วยเหตุผลจากสงคราม ชาวไทยพวนใช้ภาษาพูดสื่อสารระหว่างกลุ่มของตนเอง มีวิถีวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับจารีตประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาในสิบสองเดือน
ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของคนไทยภาคกลาง ทำให้คนไทยพวนนั้นมีความผูกพันกับวัดและ
พุทธศาสนา อีกทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เห็นได้จาก “ศาลปู่ตา” ที่จะในทุกหมู่บ้านของชาวไทยพวน ทั้งนี้ขาวไทยพวนที่ อำเภอปากพลี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มีการจัดตั้ง “ชมรมไทยพวน” และมีสภาวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปแบบอีกด้วย

 
ไทยพวน : ชนเชื้อชาติไทย (พวน) โสภณ เครือเพ็ชร์ [นครนายก: ม.ป.พ., 2550] Book: DS570.ท95ส94 2550 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00054248 ถิ่นกำเนิดของของชาวไทพวน เริ่มตั้งแต่ “พ่อขุนบูรม” ได้รวบรวมชนชาติต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และสร้างอาณาจักรขึ้นซึ่งนักประวัติศาสตร์เรียกอาณาจักรนี้ว่า “แดนพวน” จนกระทั่งดินแดนพวนเกิดสงคราม
ทั้งสงครามการรุกรานอำนาจเพื่อล่าอาณานิคม และเหตุที่ไทยสยามเสียดินแดนให้แก่มหาอำนาจตะวันตก ทำให้
ชาวพวนบางส่วนถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสงคราม และบางส่วนอพยพมาด้วยตนเองเพื่อลี้ภัยทางสงคราม เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เรื่อยมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
บันทึกประวัติศาสตร์เมืองพวน พูมี วงวิจิด ; แปลสำนวนไทยโดยพันเอกโสภณ เครือเพ็ชร์. [นครนายก: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดฝั่งคลอง, 2548] Book: DS570.L36พ74 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045450 หนังสือนี้มีต้นฉบับเป็นภาษาลาว ของผู้เขียน “พูมี วงวิจิด” เนื้อหาภายในเล่มกล่าวตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในเอเชีย จนถึงตำนวนเมืองเชียงขวาง การปกครองของชาวไทพวนที่เมืองเชียงขวาง จนถึงการเกิดสงครามกับไทยและฝรั่งเศส การอพยพของชาวไทพวนเข้ามาในประเทศตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ จนกระทั่งไทยได้คืนดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ชาวไทยพวนย้ายถิ่นฐานอีกครั้งเพื่อกลับสู่ถิ่นเดิมของตน ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวพวนคือ มีความขยัน สามัคคี รู้จักการนำสิ่งของต่างๆรอบตัวมาประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย
 
บันทึกประวัติศาสตร์เมืองพวน พูมี วงวิจิด ; แปลสำนวนไทยโดยพันเอกโสภณ เครือเพ็ชร์. [นครนายก: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดฝั่งคลอง, 2548] Book: DS570.L36พ74 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045450  หนังสือนี้มีต้นฉบับเป็นภาษาลาว ของผู้เขียน “พูมี วงวิจิด” เนื้อหาภายในเล่มกล่าวตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในเอเชีย จนถึงตำนวนเมืองเชียงขวาง การปกครองของชาวไทพวนที่เมืองเชียงขวาง จนถึงการเกิดสงครามกับไทยและฝรั่งเศส การอพยพของชาวไทพวนเข้ามาในประเทศตั้งแต่สมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ จนกระทั่งไทยได้คืนดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ชาวไทยพวนย้ายถิ่นฐานอีกครั้งเพื่อกลับสู่ถิ่นเดิมของตน ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวพวนคือ มีความขยัน สามัคคี รู้จักการนำสิ่งของต่างๆรอบตัวมาประดิษฐ์เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย
เพลงในประเพณีกำฟ้า : กรณีศึกษาชาวพวน จังหวัดลพบุรี เปรมทิพย์ พงษ์นิล. ไม่ระบุ Research and Thesis ML3758.ท9ป74 2547 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046292 เพลงพื้นบ้านของชาวพวนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังหาได้ยากในปัจจุบัน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีกำฟ้าของชาวพวน จังหวัดลพบุรี เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างของเพลงในประเพณีกำฟ้า อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อของชาวพวน จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บางส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง แต่คงยังมีความเชื่อเรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยความเชื่อเรื่องภูตผีเกี่ยวข้องกับในประเพณีของชาวพวนเกือบทุกครั้งประเพณีกำฟ้าก็เช่นกัน โดยใน อ.บ้านหมี่นั้นมีการละเล่น
นางด้งนางกวัก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกำฟ้า ส่วนในอ.โคกสำโรงนั้นไม่มีการละเล่นนี้ รูปแบบของประเพณี
กำฟ้าเปลี่ยนไปจากที่เคยมี 3 วัน ปัจจุบันเหลือเพียง 1 วัน (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3) โดยที่ อ.บ้านหมี่นั้นมีการจัดประเพณีกำฟ้าให้คงรูปแบบและองค์ประกอบดั้งเดิมมากที่สุด สำหรับรูปแบบจังหวะของบทเพลงในประเพณีกำฟ้า อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง มีรูปแบบและลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากบทเพลงพื้นบ้านในประเพณีกำฟ้าของทั้งสองอำเภอมี
การถ่ายทอดแบบปากต่อปากเป็นเวลานานโดยไม่มีการบันทึกเสียงร้องหรือโน้ตเพลงเป็นหลักฐานไว้ ดังนั้นเนื้อร้องของบทเพลงจึงเป็นสิ่งเดียวที่ชาวไทยพวนยุคปัจจุบันยึดเป็นหลักในการขับร้องและถ่ายทอดให้กับรุ่นลูกหลานจึงเป็นเหตุให้รูปแบบจังหวะของเพลงในประเพณีกำฟ้ายึดเนื้อร้องของบทเพลงเป็นหลัก

 
เพลงในประเพณีกำฟ้า : กรณีศึกษาชาวพวน จังหวัดลพบุรี เปรมทิพย์ พงษ์นิล. ไม่ระบุ Research and Thesis ML3758.ท9ป74 2547 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046292 เพลงพื้นบ้านของชาวพวนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งยังหาได้ยากในปัจจุบัน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีกำฟ้าของชาวพวน จังหวัดลพบุรี เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่างของเพลงในประเพณีกำฟ้า อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
ผลการวิจัยพบว่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่และความเชื่อของชาวพวน จังหวัดลพบุรี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บางส่วนมีชีวิตความเป็นอยู่แบบสังคมเมือง แต่คงยังมีความเชื่อเรื่องภูตผีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยความเชื่อเรื่องภูตผีเกี่ยวข้องกับในประเพณีของชาวพวนเกือบทุกครั้งประเพณีกำฟ้าก็เช่นกัน โดยใน อ.บ้านหมี่นั้นมีการละเล่น
นางด้งนางกวัก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีกำฟ้า ส่วนในอ.โคกสำโรงนั้นไม่มีการละเล่นนี้ รูปแบบของประเพณี
กำฟ้าเปลี่ยนไปจากที่เคยมี 3 วัน ปัจจุบันเหลือเพียง 1 วัน (ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3) โดยที่ อ.บ้านหมี่นั้นมีการจัดประเพณีกำฟ้าให้คงรูปแบบและองค์ประกอบดั้งเดิมมากที่สุด สำหรับรูปแบบจังหวะของบทเพลงในประเพณีกำฟ้า อ.บ้านหมี่ และ อ.โคกสำโรง มีรูปแบบและลักษณะที่เหมือนกัน เนื่องจากบทเพลงพื้นบ้านในประเพณีกำฟ้าของทั้งสองอำเภอมี
การถ่ายทอดแบบปากต่อปากเป็นเวลานานโดยไม่มีการบันทึกเสียงร้องหรือโน้ตเพลงเป็นหลักฐานไว้ ดังนั้นเนื้อร้องของบทเพลงจึงเป็นสิ่งเดียวที่ชาวไทยพวนยุคปัจจุบันยึดเป็นหลักในการขับร้องและถ่ายทอดให้กับรุ่นลูกหลานจึงเป็นเหตุให้รูปแบบจังหวะของเพลงในประเพณีกำฟ้ายึดเนื้อร้องของบทเพลงเป็นหลัก

 
เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนชาวพวน : กรณีศึกษาวัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี อรวรรณ เชื้อน้อย. ไม่ระบุ Research and Thesis NA6021.อ44 2546 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046476 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะ
และกำหนดอายุของเจดีย์ทั้งสององค์ เพื่อตรวจสอบประวัติการเข้ามาของชาวพวน โดยใช้หลักฐานทางรูปแบบ
ศิลปะเป็นตัวตรวจสอบ และเพื่อศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น โดยการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนประวัติศาสตร์ศิลปะ และส่วนของประวัติศาสตร์ของชาวพวน

ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้ เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวน ทั้งสองวัด มีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาว โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งลักษณะโครงสร้างโดยรวม และลักษณะอื่นๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านงานศิลปกรรมที่ช่างนำเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรมมาถ่ายทอดเพื่อเป็นการรำลึกถึงสถานที่ที่จากมา ในด้านประวัติศาสตร์ชาวพวนได้รับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเข้ามาของคนลาวที่อพยพมาในบริเวณนี้ว่าส่วนใหญ่เป็นลาวจากเมืองเชียงขวาง และเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)

 
ภูมิปัญญาชาวบ้านในเรือนพื้นถิ่นไทพวนในประเทศไทย : การนำไปสู่สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นใหม่ บนฐานของภูมิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถิ่น อรศิริ ปาณินท์. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2546 Research and Thesis NA7435.A1อ453 2546 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038511 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเรือนพื้นถิ่นไทพวนในประเทศไทย เพื่อเน้นถึงลักษณะเด่นของเรือนความสัมพันธ์ระหว่างการดำรงชีวิต ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถิ่นในเรือนซึ่งส่งผลถึงคุณลักษณะของสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนและสถาปัตยกรรมสิ่งแวดล้อมของเรือนไทพวน โดยการศึกษาในครั้งนี้ เก็บรวบรวมข้อมูลจากสำรวจภาคสนามของเรือนไทพวน 12 หมู่บ้านในพื้นที่ 8 จังหวัดในภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกของประเทศไทย ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้
1) ลักษณะเดิมของเรือนพื้นถิ่นไทพวน มีรูปลักษณ์ของเรือนมี 2 ลักษณะ คือ เรือนจั่วแฝด มีเรือนครัวขวางด้านหลัง และเรือนไทพวนแบบโถงโปร่ง ลำหรับผังของหมู่บ้านกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติในแต่ละพื้นที่
2) พัฒนาการของเรือน มีการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของเรือนอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเรือนไทยเดิมจั่วแฝด เป็นเรือนจั่วแฝดและเรือนแฝดแบบผสมจั่วปั้นหยา รูปแบบผังพื้นชั้นบนของเรือนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย สำหรับพื้นที่ชั้นล่างมีการเพิ่มการใช้สอยบางประเภท เช่น ห้องน้ำ, ส้วม, ห้องเก็บของ เป็นต้น
3) แนวโน้มในอนาคต เรือนจั่วแฝดมีโอกาสเลือนหายไปกลายเป็นเรือนจั่วเดี่ยว เพราะสามารถสร้างได้ง่าย รวดเร็ว และประหยัดมากกว่า
 
วัฒนธรรมไทยพวนตำบลบ้านทราย สมคิด จูมทอง [ลพบุรี : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทราย, 2546] Book: DS570.พ5ว63 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057840 หนังสือกล่าวถึงวัฒนธรรมของชาวไทยพวน ในตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยตำนานของชาวพวน การอพยพจากเมืองพวนสู่ประเทศไทย จนกระทั้งแยกมาตั้งบ้านเรือนที่ตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ผู้นำชุมชนของบ้านทรายคือ พระภิกษุหล้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ครูบานาวา” ที่ได้ออกธุดงค์เพื่อตามหาญาติที่อพยพมายังไทยก่อนหน้านี้ ครูบานาวาได้พัฒนาชุมชนต่างๆมากมาย เช่น บ่อน้ำบาดาล อุโบสถ ทำให้ชาวบ้านทรายนับถือว่าครูบานาวาเป็นต้นตระกูลของชาวบ้านทราย รวมทั้งกล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณี 12 เดือน ของชาวพวนบ้านทราย ซึ่งคล้ายกับพระราชประเพณี 12 เดือนของคนไทย ในบางประเพณีได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามชาวบ้านทรายยังคงยึดมั่นประเพณีกันอย่างเหนียวแน่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
 
เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนชาวพวน : กรณีศึกษาวัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และวัดแสงสว่าง อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี อรวรรณ เชื้อน้อย. ไม่ระบุ Research and Thesis NA6021.อ44 2546 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046476 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อตรวจสอบรูปแบบศิลปะ ที่มาของรูปแบบศิลปะ
และกำหนดอายุของเจดีย์ทั้งสององค์ เพื่อตรวจสอบประวัติการเข้ามาของชาวพวน โดยใช้หลักฐานทางรูปแบบศิลปะเป็นตัวตรวจสอบ และเพื่อศึกษารูปแบบศิลปะที่เปลี่ยนไป เมื่อมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่น โดยการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนประวัติศาสตร์ศิลปะ และส่วนของประวัติศาสตร์ของชาวพวน

ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ ดังนี้ เจดีย์ที่ปรากฏในชุมชนพวน ทั้งสองวัด มีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมที่สัมพันธ์กับเจดีย์ลาว โดยเฉพาะในกลุ่มเมืองเชียงขวาง ทั้งลักษณะโครงสร้างโดยรวม และลักษณะอื่นๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านงานศิลปกรรมที่ช่างนำเอาลักษณะเฉพาะมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรมมาถ่ายทอดเพื่อเป็นการรำลึกถึงสถานที่ที่จากมา ในด้านประวัติศาสตร์ชาวพวนได้รับรู้เกี่ยวกับข้อมูลการเข้ามาของคนลาวที่อพยพมาในบริเวณนี้ว่าส่วนใหญ่เป็นลาวจากเมืองเชียงขวาง และเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
 
วัฒนธรรมไทยพวนตำบลบ้านทราย สมคิด จูมทอง [ลพบุรี : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทราย, 2546] Book: DS570.พ5ว63 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00057840 หนังสือกล่าวถึงวัฒนธรรมของชาวไทยพวน ในตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วยตำนานของชาวพวน การอพยพจากเมืองพวนสู่ประเทศไทย จนกระทั้งแยกมาตั้งบ้านเรือนที่ตำบลบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ผู้นำชุมชนของบ้านทรายคือ พระภิกษุหล้า หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ครูบานาวา” ที่ได้ออกธุดงค์เพื่อตามหาญาติที่อพยพมายังไทยก่อนหน้านี้ ครูบานาวาได้พัฒนาชุมชนต่างๆมากมาย เช่น บ่อน้ำบาดาล อุโบสถ ทำให้ชาวบ้านทรายนับถือว่าครูบานาวาเป็นต้นตระกูลของชาวบ้านทราย รวมทั้งกล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณี 12 เดือน ของชาวพวนบ้านทราย ซึ่งคล้ายกับพระราชประเพณี 12 เดือนของคนไทย ในบางประเพณีได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตามชาวบ้านทรายยังคงยึดมั่นประเพณีกันอย่างเหนียวแน่นสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
รายงานการวิจัยเรื่องเครื่องจักสานของพวนในประเทศลาวและไทย เทียมจิตร์ พ่วงสมจิตร์. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2545 Research and Thesis TT190.ท84 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00031907 การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบวัฒนธรรมพวนในประเทศลาว
และไทย” เป็นการศึกษาทั้งในส่วนของเอกสารและการเก็บข้อมูลจากภาคสนามในทั้งประเทศลาวและไทย โดยในประเทศลาวเป็นการศึกษาเครื่องจักสานกับวิถีชีวิตของพวนในแขวงเชียงขวางที่เมืองคูร เมืองงาน เมืองคำ และเมืองโพนสะหวัน ในประเทศไทยเป็นการเก็บข้อมูลจากชุมชนพวนในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี รวมทั้งชุมชนพวนที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยศึกษาถึงวิธีการสืบทอดวิธีการผลิต วัตถุประสงค์ในการผลิต วัตถุดิบ ประเภทและการใช้ประโยชน์เครื่องจักสาน บทบาทและการเปลี่ยนแปลง

ผลการวิจัยพบว่า ชาวพวนทั้งสองกลุ่ม มีธรรมเนียมนิยมให้ผู้ชายทำหน้าที่ในการผลิตเครื่องจักสาน
มีวัตถุประสงค์ในการผลิตเพื่อใช้และเพื่อขายเหมือนกัน รวมทั้งยังใช้วัตถุดิบคือไม้ไผ่และหวายเหมือนกัน ชาวพวนทั้งสองกลุ่มมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานต่างกัน ชาวพวนในลาวมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานหลากหลายมากกว่า และยังคงมีบทบาทในทุกด้านของการดำรงชีวิตโดยเฉพาะในสังคมชนบท



 
ประเพณีไทยพวน รัฏชดา พัดเย็นชื่น, สุมาลี ศรีชมภู กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ, 2545 Book: DS570.ท95ร63 2545 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038501 ชาวไทยพวนนอกจากจะยึดมั่นในพุทธศาสนาแล้วยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาแต่โบราณ โดยยึดถือปฏิบัติตามแบบอย่างบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยพวนที่หมู่บ้านม่วงขาว อำเภอศรีมโหสถ จังหวะดปราจีนบุรี ได้แก่ ประเพณีบุญข้าวหลาม ประเพณีสู่เสื้อผ้า ประเพณีบังสุกุล ประเพณีก่อพระทราย ประเพณีสารทพวน ประเพณีทานข้าวสารท ประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณีตักบาตรดาวดึงส์ ประเพณีบุญพระเวส และประเพณีกำฟ้า
 
รายงานการวิจัยเรื่องเครื่องจักสานของพวนในประเทศลาวและไทย เทียมจิตร์ พ่วงสมจิตร์. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2545 Research and Thesis TT190.ท84 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00031907 การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาเปรียบเทียบวัฒนธรรมพวนในประเทศลาว
และไทย” เป็นการศึกษาทั้งในส่วนของเอกสารและการเก็บข้อมูลจากภาคสนามในทั้งประเทศลาวและไทย โดยในประเทศลาวเป็นการศึกษาเครื่องจักสานกับวิถีชีวิตของพวนในแขวงเชียงขวางที่เมืองคูร เมืองงาน เมืองคำ และเมืองโพนสะหวัน ในประเทศไทยเป็นการเก็บข้อมูลจากชุมชนพวนในเขตอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อำเภอหนองโดนและอำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี รวมทั้งชุมชนพวนที่ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยศึกษาถึงวิธีการสืบทอดวิธีการผลิต วัตถุประสงค์ในการผลิต วัตถุดิบ ประเภทและการใช้ประโยชน์เครื่องจักสาน บทบาทและการเปลี่ยนแปลง

          ผลการวิจัยพบว่า ชาวพวนทั้งสองกลุ่ม มีธรรมเนียมนิยมให้ผู้ชายทำหน้าที่ในการผลิตเครื่องจักสาน
มีวัตถุประสงค์ในการผลิตเพื่อใช้และเพื่อขายเหมือนกัน รวมทั้งยังใช้วัตถุดิบคือไม้ไผ่และหวายเหมือนกัน ชาวพวนทั้งสองกลุ่มมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานต่างกัน ชาวพวนในลาวมีการใช้ประโยชน์จากเครื่องจักสานหลากหลายมากกว่า และยังคงมีบทบาทในทุกด้านของการดำรงชีวิตโดยเฉพาะในสังคมชนบท

 
ประเพณีไทยพวน รัฏชดา พัดเย็นชื่น, สุมาลี ศรีชมภู กรุงเทพฯ: กรมวิชาการ, 2545 Book: DS570.ท95ร63 2545 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038501  ชาวไทยพวนนอกจากจะยึดมั่นในพุทธศาสนาแล้วยังมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาแต่โบราณ โดยยึดถือปฏิบัติตามแบบอย่างบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยพวนที่หมู่บ้านม่วงขาว อำเภอศรีมโหสถ จังหวะดปราจีนบุรี ได้แก่ ประเพณีบุญข้าวหลาม ประเพณีสู่เสื้อผ้า ประเพณีบังสุกุล ประเพณีก่อพระทราย ประเพณีสารทพวน ประเพณีทานข้าวสารท ประเพณีไหลเรือไฟ ประเพณีตักบาตรดาวดึงส์ ประเพณีบุญพระเวส และประเพณีกำฟ้า

 
วิถีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงของชาวไทยพวน เฉลิมพงษ์ หัตถา. นครสวรรค์: บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาลัยภาคกลางจังหวัดนครสวรรค์, 2544 Research and Thesis DS570.พ5ฉ74 2544 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00043367 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของไทยพวน ศึกษาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
ไทยพวน เพื่อหาความสัมพันธ์ของสาเหตุการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไทยพวน และเพื่อเปรียบเทียบวิถีชีวิตไทยพวน
แต่ละพื้นที่ โดยการศึกษาในครั้งนี้ทำในลักษณะการวิจัยเชิงพรรณนา เก็บรวบรวมข้อมูลจากไทยพวนภาคเหนือ
6 จังหวัด ได้แก่ ไทยพวนบ้านทุ่งโฮ้ง จ.แพร่ บ้านเข็ก จ.พิษณุโลก บ้านปากฝาง จ.อุตรดิตถ์ บ้านป่าแดง จ.พิจิตร บ้านหาดสูง จ.สุโขทัย บ้านวังรอ จ.นครสวรรค์

ผลการศึกษาพบว่าวิถีชีวิตของชาวไทยพวนใช้ภาษาพวนพูดคุยเฉพาะคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้าน การถือปฏิบัติตามประเพณีและการละเล่นของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนสาเหตุที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคือ ทัศนคติที่ดีต่องานประเพณีกำฟ้า มีคนในครอบครัวที่ไม่ใช่คนไทยพวนอาศัยอยู่ด้วย
การร่วมทำบุญสารทพวนทุกครั้ง การรวมกลุ่มของแม่บ้าน ความแห้งแล้งเศรษฐกิจตกต่ำ ความรู้สึกเฉยๆที่เกิดเป็นคนไทยพวน การติดต่อกับชุมชนเมืองได้สะดวก การไปรับจ้างทำงานในอุตสาหกรรม การมีอาชีพเสริมของครอบครัว รายได้ลดลงจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ การมีตลาดนัดในหมู่บ้าน และมีคนต่างถิ่นย้ายเข้ามาในหมู่บ้านมากขึ้น

 
วิถีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงของชาวไทยพวน เฉลิมพงษ์ หัตถา. นครสวรรค์: บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาลัยภาคกลางจังหวัดนครสวรรค์, 2544 Research and Thesis DS570.พ5ฉ74 2544 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00043367 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิถีชีวิตของไทยพวน ศึกษาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
ไทยพวน เพื่อหาความสัมพันธ์ของสาเหตุการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตไทยพวน และเพื่อเปรียบเทียบวิถีชีวิตไทยพวน
แต่ละพื้นที่ โดยการศึกษาในครั้งนี้ทำในลักษณะการวิจัยเชิงพรรณนา เก็บรวบรวมข้อมูลจากไทยพวนภาคเหนือ
6 จังหวัด ได้แก่ ไทยพวนบ้านทุ่งโฮ้ง จ.แพร่ บ้านเข็ก จ.พิษณุโลก บ้านปากฝาง จ.อุตรดิตถ์ บ้านป่าแดง จ.พิจิตร บ้านหาดสูง จ.สุโขทัย บ้านวังรอ จ.นครสวรรค์

ผลการศึกษาพบว่าวิถีชีวิตของชาวไทยพวนใช้ภาษาพวนพูดคุยเฉพาะคนในครอบครัวและคนในหมู่บ้าน การถือปฏิบัติตามประเพณีและการละเล่นของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ส่วนสาเหตุที่มีความสัมพันธ์ต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคือ ทัศนคติที่ดีต่องานประเพณีกำฟ้า มีคนในครอบครัวที่ไม่ใช่คนไทยพวนอาศัยอยู่ด้วย
การร่วมทำบุญสารทพวนทุกครั้ง การรวมกลุ่มของแม่บ้าน ความแห้งแล้งเศรษฐกิจตกต่ำ ความรู้สึกเฉยๆที่เกิดเป็นคนไทยพวน การติดต่อกับชุมชนเมืองได้สะดวก การไปรับจ้างทำงานในอุตสาหกรรม การมีอาชีพเสริมของครอบครัว รายได้ลดลงจากสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ การมีตลาดนัดในหมู่บ้าน และมีคนต่างถิ่นย้ายเข้ามาในหมู่บ้านมากขึ้น

 
ครองสิบสี่ในวิถีชีวิตของชาวไทพวน ตำบลบ้านผือ อำเภอบบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มยุรี ปาละอินทร์ มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2543 Research and Thesis GT4877.ม47 2543 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00032934 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยคือ เพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้เรื่องคองสิบสี่ให้ชัดเจน และเพื่อศึกษาคองสิบสี่ในวิถีชีวิตของชาวไทพวน ต.บ้านผืด อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผลการวิจัยพบว่าชาวไทยพวนยึดถือปฏิบัติตามคองสิบสี่ พร้อมทั้งนำไปอบรมสั่งสอนลูกหลานในรุ่นหลังต่อไป ในสังคมไทยพวนมี “คอง”เป็นข้อปฏิบัติและแนวทางที่นำมาปฏิบัติร่วมกับศาสนา เพื่อให้เกิดความสามัคคีปรองดอง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ปกครองบ้างเมือง ข้าราชการ, ประชาชนทั่วไป และคนในครอบครัว ระบบเครือญาติ ดังนั้น “คอง”เป็นเหมือนกฏหมายที่กำหนดหน้าที่ให้ชาวไทพวน นอกจากนี้งานวิจัยยังพบอีกว่ากลุ่มเด็กและวัยรุ่นไม่รู้จัก “คอง”
 
การปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนในราชอาณาจักรไทยระหว่าง พ.ศ.2322-2436 ปรารถนา แซ่อึ๊ง ไม่ระบุ Research and Thesis DS570.พ5ป4 2543 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046294 ารศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาของนโยบาย การดำเนินนโยบายการปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนในระหว่าง พ..2522-2436 เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปกครองของไทยในเมืองพวนและวิธีการแก้ไขปัญหา และเพื่อศึกษานโยบายและผลจากการปกครองของไทยที่มีต่อชาวพวนในราชอารณาจักรไทย
โดยการศึกษาในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนกระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ใน พ..2436

ผลการศึกษาพบว่าในช่วงแรกไทยมีนโยบายปกครองเมืองพวนในฐานะเมืองขึ้นของไทย โดยให้อำนาจสิทธิขาดในการปกครองภายในแก่เมืองพวน เมืองพวนมีหน้าที่เพียงส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายพระมหากษัตริย์ไทยตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่เนื่องจากระยะทางระหว่างเมืองพวนกับไทยอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้ญวนขยายอิทธิพลเข้ามาในเมืองพวนอยู่เสมอ ทำให้เมืองพวนมีลักษณะเมืองสองฝ่ายฟ้า ไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเป็นเมือง
สองฝ่ายฟ้าอยู่หลายวิธีแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ไทยหันมาใช้นโยบายกวาดต้อนชาวพวนเข้ามาในประเทศให้หมดเพื่อไม่ให้เหลือเป็นกำลังแก่ฝ่ายญวน นโยบายดังกล่าวดำเนินเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลัทธิจักรวรรดินิยมแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองพวนไม่มีการกำหนดเขตแดนที่แน่นอน ทำให้เมืองพวนจึงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ส่งผลให้
ชาวพวนอพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้





 
การปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนในราชอาณาจักรไทยระหว่าง พ.ศ.2322-2436 ปรารถนา แซ่อึ๊ง ไม่ระบุ Research and Thesis DS570.พ5ป4 2543 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046294 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาของนโยบาย การดำเนินนโยบายการปกครองของไทยที่มีต่อเมืองพวนในระหว่าง พ.ศ.2522-2436 เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดจากการปกครองของไทยในเมืองพวนและวิธีการแก้ไขปัญหา และเพื่อศึกษานโยบายและผลจากการปกครองของไทยที่มีต่อชาวพวนในราชอารณาจักรไทย
โดยการศึกษาในครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จนกระทั่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ใน พ.ศ.2436

ผลการศึกษาพบว่าในช่วงแรกไทยมีนโยบายปกครองเมืองพวนในฐานะเมืองขึ้นของไทย โดยให้อำนาจสิทธิขาดในการปกครองภายในแก่เมืองพวน เมืองพวนมีหน้าที่เพียงส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายพระมหากษัตริย์ไทยตามธรรมเนียมเท่านั้น แต่เนื่องจากระยะทางระหว่างเมืองพวนกับไทยอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้ญวนขยายอิทธิพลเข้ามาในเมืองพวนอยู่เสมอ ทำให้เมืองพวนมีลักษณะเมืองสองฝ่ายฟ้า ไทยพยายามแก้ไขปัญหาการเป็นเมือง
สองฝ่ายฟ้าอยู่หลายวิธีแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ไทยหันมาใช้นโยบายกวาดต้อนชาวพวนเข้ามาในประเทศให้หมดเพื่อไม่ให้เหลือเป็นกำลังแก่ฝ่ายญวน นโยบายดังกล่าวดำเนินเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ลัทธิจักรวรรดินิยมแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองพวนไม่มีการกำหนดเขตแดนที่แน่นอน ทำให้เมืองพวนจึงตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ส่งผลให้
ชาวพวนอพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยตราบเท่าทุกวันนี้

 
การรับนวัตกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา : ศึกษากรณีชุมชนไทยพวนในจังหวัดลพบุรี เชาว์วัย ศุภรตรีทิเพศ. ไม่ระบุ Research and Thesis DS570.พ5ช7 2542 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045312 งานวัจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาถึงผลกระทบของนวัตกรรมมีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาในหมุ่บ้าน
ไทยพวน เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงในระบบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยพวน เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้พิธีกรรมทางศานาของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไป และเพื่อนำผลการวิจัยมาปรับใช้ในการอนุรักษ์ระบบ พิธีกรรม และความเชื่อของชาวไทย

ผลการวิจัยในครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องมาใช้สำหรับการศึกษาวิจัย โดยตั้งสมมติฐาน 8 หัวข้อ ดังนี้
การรับนวัตกรรมทางวัตถุ, การรับนวัตกรรมอวัตถุ, การเป็นอุตสาหกรรม,การเป็นเมือง การพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐ, การพัฒนาระบบชลประทาน และการพัฒนาระบบคมนาคม มีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชน ซึ่งจากผลการวิจัยปรากฏว่า สมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นความจริงเกือบทั้งหมด ยกเว้น สมมติฐานที่ 6 คือการพัฒนาโดยหน่วยงานของเอกชน การศึกษาการธำรงรักษาพิธีกรรมของไทยพวนบ้านกล้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ พบว่าเอกลักษณ์ของชาวไทยพวนบ้านกล้วยลดน้อยลงไปตามกาลเวลา โดยสังคมไทยรับเอาวัฒนธรรมจากสังคมตะวันตกเข้ามามาก การนับถือผีสางเทวดา กลายเป็นเรื่องงมงาย ล้าสมัย ผู้ที่จะมานับถือสิบทอดประเพณี พิธีกรรมของชาวไทยพวนซึ่งขาดความศรัทธาจึงลดน้อยลงไปทุกวัน



 
รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาว พวนบ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว สมศักดิ์ ศรีสันติสุข...[และคนอื่นๆ]. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2542 Research and Thesis DS555.45.พ5ส45 2542 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00033660 การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน
บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น
การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน
การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน

 
การรับนวัตกรรมและพิธีกรรมทางศาสนา : ศึกษากรณีชุมชนไทยพวนในจังหวัดลพบุรี เชาว์วัย ศุภรตรีทิเพศ. ไม่ระบุ Research and Thesis DS570.พ5ช7 2542 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045312 งานวัจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาถึงผลกระทบของนวัตกรรมมีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาในหมุ่บ้าน
ไทยพวน เพื่อศึกษาความเปลี่ยนแปลงในระบบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทยพวน เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้พิธีกรรมทางศานาของชาวไทยพวนเปลี่ยนแปลงไป และเพื่อนำผลการวิจัยมาปรับใช้ในการอนุรักษ์ระบบ พิธีกรรม และความเชื่อของชาวไทย

          ผลการวิจัยในครั้งนี้ได้ใช้ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องมาใช้สำหรับการศึกษาวิจัย โดยตั้งสมมติฐาน 8 หัวข้อ ดังนี้
การรับนวัตกรรมทางวัตถุ, การรับนวัตกรรมอวัตถุ, การเป็นอุตสาหกรรม,การเป็นเมือง การพัฒนาโดยหน่วยงานภาครัฐ, การพัฒนาระบบชลประทาน และการพัฒนาระบบคมนาคม มีผลต่อพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชน ซึ่งจากผลการวิจัยปรากฏว่า สมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นความจริงเกือบทั้งหมด ยกเว้น สมมติฐานที่ 6 คือการพัฒนาโดยหน่วยงานของเอกชน  การศึกษาการธำรงรักษาพิธีกรรมของไทยพวนบ้านกล้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ พบว่าเอกลักษณ์ของชาวไทยพวนบ้านกล้วยลดน้อยลงไปตามกาลเวลา โดยสังคมไทยรับเอาวัฒนธรรมจากสังคมตะวันตกเข้ามามาก การนับถือผีสางเทวดา กลายเป็นเรื่องงมงาย ล้าสมัย ผู้ที่จะมานับถือสิบทอดประเพณี พิธีกรรมของชาวไทยพวนซึ่งขาดความศรัทธาจึงลดน้อยลงไปทุกวัน


 
รายงานการวิจัยเรื่องการศึกษาการเปลี่ยนทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาว พวนบ้านนาคูนน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว สมศักดิ์ ศรีสันติสุข...[และคนอื่นๆ]. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2542 Research and Thesis DS555.45.พ5ส45 2542 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00033660 การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน
บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น
การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน
การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน

การวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรม ศึกษากระบวนการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม และศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนตระกูลภาษาลาวพวน
บ้านนาคูน้อย เมืองนาซายทอง แขวงกำแพงนะคอนเวียงจัน
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การวิจัยนี้เป็น
การวิจัยภาคสนามและเป็นการศึกษาชุมชนเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ขอบเขตของการวิจัยคือศึกษาชุมชนที่พูดภาษาลาวตระกูลลาวพวน ผลการวิจัยพบว่า ชุมชนบ้านนาคูน้อยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวทางด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้าน
การพักผ่อนหย่อนใจ ตามลำดับ ส่วนด้านศาสนาและความเชื่อมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าด้านครอบครัวและด้านการปกครอง สำหรับปัจจัยกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ ปัจจัยด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ปัจจัยด้านการพัฒนาตามนโยบายของรัฐ ปัจจัยด้านการอบรมขัดเกลาทางสังคม และปัจจัยด้านสื่อสารมวลชน และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีมากที่สุด ได้แก่ การเปลี่ยนไปสู่ความความทันสมัยด้านวัตถุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อย คือการเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส และปัญหาสังคมซึ่งสามารถแก้ไขได้ภายในชุมชน

 
พวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี : กรณีศึกษาวิถีชีวิตและประเพณีพื้นบ้าน วาสนา บุญสม. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2541 Research and Thesis DS570.ล65ว65 2541 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035398 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มพวน วิเคราะห์โครงสร้างสังคมของพวน ศึกษา
การดำรงอยู่ของสัญญาประชาคมท้องถิ่นที่เรียกว่า ฮีตบ้านคองเมือง และเพื่อวิเคราะห์ประเพณีฮีตสิบสองกับการดำรงอยู่และการคลี่คลายในยุคโลกาภิวัตน์

ผลการวิจัยพบว่าชาวพวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีโครงสร้างทางสังคมคล้ายชาวลาว ต่างกันที่ภาษาและรายละเอียดอื่นๆ เช่น ประเพณีต่างๆของชาวไทพวน ชาวพวนดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้ เพราะยึดมั่นในฮีตบ้านคองเมืองมีประเพณีในรอบปีทั้ง 12 เดือน
และประเพณีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การเกิดจนกระทั้งการตาย แม้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลให้สัญญาประชาคมคลี่คลายลงไปบ้างแต่ชาวไทพวนบ้านหมี่ได้พยายามรื้อฟื้นฮีตบ้านคองเมืองให้คงอยู่ตลอดไป



 
บันทึกหนุ่มพวน : จากลุ่มน้ำยมสู่ลุ่มน้ำมูล สนอง โกศัย กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง, 2541 Book: DS570.พ5ส35 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015088 เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประวัติของชาวพวน ตั้งแต่การสร้างเมืองพวนจนถึงการย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย และชีวประวัติของ ผศ.สนอง โกศัย ตั้งแต่บรรพบุรุษอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ผู้เขียนกล่าวถึงบรรยากาศ สภาพความเป็นอยู่ในสมัยยังเด็ก ความสัมพันธ์ภายในชุมชนที่แน่นแฟ้น เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน การประกอบอาชีพส่วนใหญ่เน้นการเกษตรกรรมและกสิกรรม การรักษาโรคตามความเชื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามีบทบาท และประเพณีชาวพวนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน
 
พวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี : กรณีศึกษาวิถีชีวิตและประเพณีพื้นบ้าน วาสนา บุญสม. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2541 Research and Thesis DS570.ล65ว65 2541 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035398 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาของกลุ่มพวน วิเคราะห์โครงสร้างสังคมของพวน ศึกษา
การดำรงอยู่ของสัญญาประชาคมท้องถิ่นที่เรียกว่า ฮีตบ้านคองเมือง และเพื่อวิเคราะห์ประเพณีฮีตสิบสองกับการดำรงอยู่และการคลี่คลายในยุคโลกาภิวัตน์

          ผลการวิจัยพบว่าชาวพวนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี อพยพมาจากเมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีโครงสร้างทางสังคมคล้ายชาวลาว ต่างกันที่ภาษาและรายละเอียดอื่นๆ เช่น ประเพณีต่างๆของชาวไทพวน ชาวพวนดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้ เพราะยึดมั่นในฮีตบ้านคองเมืองมีประเพณีในรอบปีทั้ง 12 เดือน
และประเพณีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การเกิดจนกระทั้งการตาย แม้ว่ากระแสโลกาภิวัตน์ส่งผลให้สัญญาประชาคมคลี่คลายลงไปบ้างแต่ชาวไทพวนบ้านหมี่ได้พยายามรื้อฟื้นฮีตบ้านคองเมืองให้คงอยู่ตลอดไป


 
บันทึกหนุ่มพวน : จากลุ่มน้ำยมสู่ลุ่มน้ำมูล สนอง โกศัย กรุงเทพฯ: เฟื่องฟ้า พริ้นติ้ง, 2541 Book: DS570.พ5ส35 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00015088 เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประวัติของชาวพวน ตั้งแต่การสร้างเมืองพวนจนถึงการย้ายถิ่นฐานมายังประเทศไทย และชีวประวัติของ ผศ.สนอง โกศัย ตั้งแต่บรรพบุรุษอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ผู้เขียนกล่าวถึงบรรยากาศ สภาพความเป็นอยู่ในสมัยยังเด็ก ความสัมพันธ์ภายในชุมชนที่แน่นแฟ้น เอื้อเฟื้อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน การประกอบอาชีพส่วนใหญ่เน้นการเกษตรกรรมและกสิกรรม การรักษาโรคตามความเชื่อสมัยก่อนที่ยังไม่มีการแพทย์แผนปัจจุบันเข้ามามีบทบาท และประเพณีชาวพวนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบัน
 
สืบสานตำนานไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว ไม่ระบุ พิจิตร : ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3, 2540 Book: DS570.พ53ส63 2540 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046020 หนังสือกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณีของชาวพวน บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย การประกอบอาชีพของชาวพวนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม และหัตถกรรมพื้นบ้าน เนื่องจากภาวะสังคมเมือง ทำให้ชาวพวนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ประเพณีที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน เช่น ประเพณี
กำฟ้า ซึ่งเป็นประเพณีที่ระลึกถึงคุณงามความดีของวิญญาณบรรพบุรุษ ประเพณีกำเกียงเป็นประเพณีปัดเป่าไม่ให้คนในบ้านยไม่เจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้ผู้หญิงชาวพวนจะมีค่านิยมในการทอผ้า การทอผ้าของชาวพวนมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ “ผ้าซิ่นตีนจก” ที่มีรายละเอียดการออกแบบโครงสร้าง และลวดลายบนผ้าในแต่ละผืนมีความแตกต่างกัน ซึ่งค่านิยมการทอผ้าของชาวพวนกำลังจะเลือนหายไปเพราะมีอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่

 
สืบสานตำนานไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว ไม่ระบุ พิจิตร : ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3, 2540 Book: DS570.พ53ส63 2540 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046020 หนังสือกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณีของชาวพวน บ้านหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย การประกอบอาชีพของชาวพวนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม และหัตถกรรมพื้นบ้าน เนื่องจากภาวะสังคมเมือง ทำให้ชาวพวนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนแปลงไป ประเพณีที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน เช่น ประเพณี
กำฟ้า ซึ่งเป็นประเพณีที่ระลึกถึงคุณงามความดีของวิญญาณบรรพบุรุษ ประเพณีกำเกียงเป็นประเพณีปัดเป่าไม่ให้คนในบ้านยไม่เจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้ผู้หญิงชาวพวนจะมีค่านิยมในการทอผ้า การทอผ้าของชาวพวนมีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ “ผ้าซิ่นตีนจก” ที่มีรายละเอียดการออกแบบโครงสร้าง และลวดลายบนผ้าในแต่ละผืนมีความแตกต่างกัน ซึ่งค่านิยมการทอผ้าของชาวพวนกำลังจะเลือนหายไปเพราะมีอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่

 
วรรณกรรมไทพวน : ความสัมพันธ์กับสังคม ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์. ไม่ระบุ Research and Thesis GR312.ภ63 2539 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเนื้อหาของวรรณกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคม โดยการศึกษาวรรณกรรมไทพวนจำกัดขอบเขตเฉพาะวรรณกรรมนิทาน หมู่บ้านไทพวนที่เก็บข้อมูล คือ หมู่บ้านท่าแดง หมู่บ้านเกาะหวาย หมู่บ้านหนองหัวลิงและหมู่บ้านอื่นๆบริเวณใกล้เคียง ในอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก
ผลการศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมนิทานไทพวนทั้ง 101 เรื่อง พบว่าลักษณะโครงสร้างของวรรณกรรมนิทานไทพวนมีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน วรรณกรรมไทพวนส่วนใหญ่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับบูรพกรรม การบำเพ็ญบารมี ความรัก ชนชั้น และคุณธรรม โดยสะท้อนจากพฤติกรรมตัวละครเป็นสำคัญ ด้านความขัดแย้งของตัวละครมักเกิดจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง และความแตกต่างด้านฐานะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคมมีบทบาทและหน้าที่ให้การศึกษาและปลูกฝังค่านิยมด้านต่างๆแก่คนในสังคม ทั้
งยังช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมให้สมบูรณ์และเข้มแข็งขึ้น ช่วยรักษาแบบแผนของสังคมและช่วยสร้างความสามัคคีของชาวไทพวนอีกด้วย

 
ผญา : มรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2539 Book: DS570.พ5พ93 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038523 หนังสือกล่าวถึง“ผญา” อ่านว่า ผะ-หยา เป็นคำพูดเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เนื้อหาของผญามีใจความกินใจต่อผู้ที่ได้ยิน ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างผญา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำผญา ถือเป็นขุมทรัพย์ภูมิปัญญาของชาวไทยพวนในอดีต ในเล่มยังกล่าวถึงการเลือกคู่ครอง การตั้งชื่อบุตร ตำนานของชาวไทยพวน เจ้าเมืองพวน การสร้างบ้านเรือนที่อยุ่อาศัย ประเพณีฮีต 12 คอง 14 ความเชื่อในการนับถือผีของชาวพวน
โดยสิ่งที่ชาวพวนนับถือมากที่สุดคือผีฟ้าผีแถน แม้ว่าในปัจจุบันชาวพวนจะมีการนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ก็ยังนับถือภูตผีวิญญาณบรรพบุรุษสืบต่อกันมา

 
สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : พวน วีระพงศ์ มีสถาน นครปฐม: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2539 Book: DS570.P5ว64 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00007192 สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์พวน จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในมหาวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของรัชกาลที่ 9 ผู้เขียนได้เรียบเรียงข้อมูลจากทั้งเอกสาร ตำรา และจากการเก็บข้อมูลภาคสนาม เนื้อหาภายในเล่มว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชาวพวนตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชาวพวน ที่มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ลักษณะทางชาติพันธุ์ ลักษณะบ้านเรือน โครงสร้างทางสังคม
การประกอบอาชีพ ภาษา การละเล่น อาหาร และยารักษาโรค

 
วรรณกรรมไทพวน : ความสัมพันธ์กับสังคม ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์. ไม่ระบุ Research and Thesis GR312.ภ63 2539 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเนื้อหาของวรรณกรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคม  โดยการศึกษาวรรณกรรมไทพวนจำกัดขอบเขตเฉพาะวรรณกรรมนิทาน หมู่บ้านไทพวนที่เก็บข้อมูล คือ หมู่บ้านท่าแดง หมู่บ้านเกาะหวาย หมู่บ้านหนองหัวลิงและหมู่บ้านอื่นๆบริเวณใกล้เคียง ในอำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก
ผลการศึกษาวิเคราะห์วรรณกรรมนิทานไทพวนทั้ง 101 เรื่อง พบว่าลักษณะโครงสร้างของวรรณกรรมนิทานไทพวนมีโครงเรื่องไม่ซับซ้อน วรรณกรรมไทพวนส่วนใหญ่เสนอแนวคิดเกี่ยวกับบูรพกรรม การบำเพ็ญบารมี ความรัก ชนชั้น และคุณธรรม โดยสะท้อนจากพฤติกรรมตัวละครเป็นสำคัญ ด้านความขัดแย้งของตัวละครมักเกิดจากความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง และความแตกต่างด้านฐานะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมไทพวนกับสังคมมีบทบาทและหน้าที่ให้การศึกษาและปลูกฝังค่านิยมด้านต่างๆแก่คนในสังคม ทั้
งยังช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมให้สมบูรณ์และเข้มแข็งขึ้น ช่วยรักษาแบบแผนของสังคมและช่วยสร้างความสามัคคีของชาวไทพวนอีกด้วย

 
ผญา : มรดกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2539 Book: DS570.พ5พ93 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038523 หนังสือกล่าวถึง“ผญา” อ่านว่า ผะ-หยา เป็นคำพูดเกี้ยวพาราสีระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว เนื้อหาของผญามีใจความกินใจต่อผู้ที่ได้ยิน ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างผญา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น คำผญา ถือเป็นขุมทรัพย์ภูมิปัญญาของชาวไทยพวนในอดีต ในเล่มยังกล่าวถึงการเลือกคู่ครอง การตั้งชื่อบุตร ตำนานของชาวไทยพวน เจ้าเมืองพวน การสร้างบ้านเรือนที่อยุ่อาศัย ประเพณีฮีต 12 คอง 14 ความเชื่อในการนับถือผีของชาวพวน
โดยสิ่งที่ชาวพวนนับถือมากที่สุดคือผีฟ้าผีแถน แม้ว่าในปัจจุบันชาวพวนจะมีการนับถือพระพุทธศาสนาแล้ว แต่ก็ยังนับถือภูตผีวิญญาณบรรพบุรุษสืบต่อกันมา
สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย : พวน วีระพงศ์ มีสถาน นครปฐม: สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล, 2539 Book: DS570.P5ว64 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00007192 สารานุกรมกลุ่มชาติพันธุ์พวน จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในมหาวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีของรัชกาลที่ 9 ผู้เขียนได้เรียบเรียงข้อมูลจากทั้งเอกสาร ตำรา และจากการเก็บข้อมูลภาคสนาม เนื้อหาภายในเล่มว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับชาวพวนตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของชาวพวน ที่มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว การตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย ลักษณะทางชาติพันธุ์ ลักษณะบ้านเรือน โครงสร้างทางสังคม
การประกอบอาชีพ ภาษา การละเล่น อาหาร และยารักษาโรค

 
การเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัฒน์ : ศึกษากรณีชุมชนไทพวน ตำบลหินปัก อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี บดี พงษ์ทอง. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2538 Research and Thesis DS570.พ5บ36 2538 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037907 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาถึงความตระหนักของกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนต่อ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์ เพื่อแสวงหาปัจจัยที่มีผลต่อการผลักดันหรือนำกระบวนการโลกาภิวัตน์เช้าสู่ชุมชนชนบท และเพื่อวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัยทีมีผลต่อการผลักดันหรือ
นำกระบวนการโลกาภิวัตน์เข้าสู่ชุมชนชนบท ว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคแก่กันอย่างไร การศึกษานี้เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนใน ต.หินปัก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ด้วยเหตุผลคือชาวไทพวนใน ต.หินปัก เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และยังคงเป็นแหล่งที่มีประชากรชาวไทพวนหนาแน่น

ผลการวิจัยพบว่า ความตระหนักของกลุ่มชาวไทพวนต่อกระบวนการโลกาภิวัตน์ใน 2 กลุ่มชี้วัดระหว่างหัวหน้าครอบครัวกับผู้นำชุมชนไม่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นว่ากระบวนการโลกาภิวัตน์จะมีผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชนของตนได้อย่างไร เนื่องจากสภาพการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของท้องถิ่นยังเป็นลักษณะ
ค่อยเป็นค่อยไป สำหรับลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัตน์ ดังนี้
1) ปัจจัยการได้รับข่าวสารของประชาชน 2) ปัจจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนา และ 3) ปัจจัยวิถีการดำเนินชีวิตชาวชนบทไทพวนด้านกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อกันในระบบเครือญาติ


 
ดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนที่แขวงเชียงขวาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว โพไช สุนนะลาด กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 Research and Thesis DS570.L36พ92 2538 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035439 งานวิจัยนี้ได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะการละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของชาวไทพวน กำลังประสบวิกฤตที่รุนแรงไม่แพ้สมัยสงครามอินโดจีน นั่นคือกระแสวัฒนธรรมของโลกตะวันตก เช่น เครื่องดนตรีแบบฝรั่ง จังหวะและทำนองเพลงของต่างชาติ ได้สร้างผลกระทบและนำความเสื่อมคลายให้ศิลปวัฒนธรรม การละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของไทพวนเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ของชาวไทพวน ศึกษาองค์ประกอบทั่วไปทางดนตรีของไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับชีวิตของชาวไทพวน ที่แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ผลการวิจัยพบว่าชาวไทพวนมีเครื่องดนตรี 4 ประเภท ได้แก่ ดีด สี ตี เป่า ส่วนการละเล่นมี 3 ประเภท คือ ลำพวนและตอบผญา, ฟ้อน และร้องเพลง โดยองค์ประกอบของดนตรีชาวไทพวน มีองค์ประกอบ 5 อย่าง คือ การผสมวง นักแต่งเพลงหรือผู้ประพันธ์ นักดนตรี วิธีการบรรเลง และผู้ชมผู้ฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สำหรับการใช้ดนตรีในพิธีกรรมที่
แขวงเชียงขวาง มี 2 ลักษณะคือ การใช้ดนตรีในพิธีทางราชการ และการใช้ดนตรีในพิธีกรรมตามประเพณีท้องถิ่น

 
การเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัฒน์ : ศึกษากรณีชุมชนไทพวน ตำบลหินปัก อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี บดี พงษ์ทอง. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, 2538 Research and Thesis DS570.พ5บ36 2538 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037907 งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาถึงความตระหนักของกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนต่อ
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกระบวนการโลกาภิวัฒน์ เพื่อแสวงหาปัจจัยที่มีผลต่อการผลักดันหรือนำกระบวนการโลกาภิวัตน์เช้าสู่ชุมชนชนบท และเพื่อวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของแต่ละปัจจัยทีมีผลต่อการผลักดันหรือ
นำกระบวนการโลกาภิวัตน์เข้าสู่ชุมชนชนบท ว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคแก่กันอย่างไร การศึกษานี้เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีกลุ่มชาติพันธุ์ไทพวนใน ต.หินปัก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ด้วยเหตุผลคือชาวไทพวนใน ต.หินปัก เข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย และยังคงเป็นแหล่งที่มีประชากรชาวไทพวนหนาแน่น

          ผลการวิจัยพบว่า ความตระหนักของกลุ่มชาวไทพวนต่อกระบวนการโลกาภิวัตน์ใน 2 กลุ่มชี้วัดระหว่างหัวหน้าครอบครัวกับผู้นำชุมชนไม่มีความแตกต่างกัน และไม่เห็นว่ากระบวนการโลกาภิวัตน์จะมีผลกระทบต่อบุคคล ครอบครัว และชุมชนของตนได้อย่างไร เนื่องจากสภาพการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของท้องถิ่นยังเป็นลักษณะ
ค่อยเป็นค่อยไป สำหรับลำดับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าสู่ชุมชนชนบทของกระบวนการโลกาภิวัตน์ ดังนี้
1) ปัจจัยการได้รับข่าวสารของประชาชน 2) ปัจจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนา และ 3) ปัจจัยวิถีการดำเนินชีวิตชาวชนบทไทพวนด้านกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อกันในระบบเครือญาติ

 
ดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนที่แขวงเชียงขวาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว โพไช สุนนะลาด กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2538 Research and Thesis DS570.L36พ92 2538 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00035439 งานวิจัยนี้ได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะการละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของชาวไทพวน กำลังประสบวิกฤตที่รุนแรงไม่แพ้สมัยสงครามอินโดจีน นั่นคือกระแสวัฒนธรรมของโลกตะวันตก เช่น เครื่องดนตรีแบบฝรั่ง จังหวะและทำนองเพลงของต่างชาติ ได้สร้างผลกระทบและนำความเสื่อมคลายให้ศิลปวัฒนธรรม การละเล่นและดนตรีพื้นเมืองของไทพวนเป็นอย่างยิ่ง โดยมีจุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ ของชาวไทพวน ศึกษาองค์ประกอบทั่วไปทางดนตรีของไทพวน และเพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับชีวิตของชาวไทพวน ที่แขวงเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ผลการวิจัยพบว่าชาวไทพวนมีเครื่องดนตรี 4 ประเภท ได้แก่ ดีด สี ตี เป่า ส่วนการละเล่นมี 3 ประเภท คือ ลำพวนและตอบผญา, ฟ้อน และร้องเพลง โดยองค์ประกอบของดนตรีชาวไทพวน มีองค์ประกอบ 5 อย่าง คือ การผสมวง นักแต่งเพลงหรือผู้ประพันธ์ นักดนตรี วิธีการบรรเลง และผู้ชมผู้ฟัง ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวไทพวนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย สำหรับการใช้ดนตรีในพิธีกรรมที่
แขวงเชียงขวาง มี 2 ลักษณะคือ การใช้ดนตรีในพิธีทางราชการ และการใช้ดนตรีในพิธีกรรมตามประเพณีท้องถิ่น


 
วัฒนธรรมและประเพณีไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 Book: DS570.ท95พ93 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038522 หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติชาวพวน ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ก่อนการเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามกลางเมืองภายในประเทศ และสภาพบ้านเมืองภายหลังเกิดสงคราม
การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของชาวพวน ชาวพวนมีประเพณีที่ประพฤติยึดถือกัน ได้แก่ 1) ฮีต 12 ซึ่งเป็นแนวทางวิธีปฏิบัติประจำในเดือนๆหนึ่งของปี ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของไทยภาคกลาง
2) คอง 14 เป็นแนวทาง วิถีทางที่ชาวพวนประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ในเล่มยังกล่าวถึงประเพณีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การเกิด การบวช การแต่งงาน การทำบุญบ้าน จนกระทั่งประเพณีที่เกี่ยวกับการตาย

 
ตำนานไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 Book: DS570.ท95พ94 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00009258 นังสือกล่าวถึงประวัติของชาวพวน เริ่มตั้งแต่ขุนบรมราชาธิราชให้พระโอรสไปปกครองเมืองต่างๆ
โดยพระโอรสเจ็ดเจิง (เจตเจื้อง) ได้สร้างและปกครองเมืองพวน หลังจากนั้นเกิดเมืองพวนเกิดสงครามทำให้ชาวพวนอพยพเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 5 ครั้ง ครั้งแรกสมัยแผ่นดินพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งที่สองสมัย
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งที่สามสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่สี่และห้าสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
การอพยพของชาวพวนกระจายอยู่ตามภาคต่างๆของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกลักษณ์ของชาวพวนเป็นคนรักสงบ ขยันขันแข็ง รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ ทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่วนท้ายเล่มผู้เขียนยังได้รวบรวมคำไทยพวนที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันอีกด้วย

 
วัฒนธรรมและประเพณีไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 Book: DS570.ท95พ93 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038522 หนังสือมีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติชาวพวน ที่เมืองเชียงขวาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่ก่อนการเกิดสงครามอินโดจีนและสงครามกลางเมืองภายในประเทศ และสภาพบ้านเมืองภายหลังเกิดสงคราม
การประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตของชาวพวน ชาวพวนมีประเพณีที่ประพฤติยึดถือกัน ได้แก่ 1) ฮีต 12 ซึ่งเป็นแนวทางวิธีปฏิบัติประจำในเดือนๆหนึ่งของปี ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับประเพณี 12 เดือนของไทยภาคกลาง
2) คอง 14 เป็นแนวทาง วิถีทางที่ชาวพวนประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ในเล่มยังกล่าวถึงประเพณีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การเกิด การบวช การแต่งงาน การทำบุญบ้าน จนกระทั่งประเพณีที่เกี่ยวกับการตาย

 
ตำนานไทยพวน โพธิ์ แซมลำเจียก กรุงเทพฯ: สามัคคีสาร (ดอกหญ้า), 2537 Book: DS570.ท95พ94 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00009258 หนังสือกล่าวถึงประวัติของชาวพวน เริ่มตั้งแต่ขุนบรมราชาธิราชให้พระโอรสไปปกครองเมืองต่างๆ
โดยพระโอรสเจ็ดเจิง (เจตเจื้อง) ได้สร้างและปกครองเมืองพวน หลังจากนั้นเกิดเมืองพวนเกิดสงครามทำให้ชาวพวนอพยพเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 5 ครั้ง  ครั้งแรกสมัยแผ่นดินพระเจ้าตากสินมหาราช ครั้งที่สองสมัย
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งที่สามสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครั้งที่สี่และห้าสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
การอพยพของชาวพวนกระจายอยู่ตามภาคต่างๆของประเทศไทย ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เอกลักษณ์ของชาวพวนเป็นคนรักสงบ ขยันขันแข็ง รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษ ทั้งยังมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ส่วนท้ายเล่มผู้เขียนยังได้รวบรวมคำไทยพวนที่ใช้พูดในชีวิตประจำวันอีกด้วย
รายงานการวิจัยเรื่อง วงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้าของชนกลุ่มไทยพวน สุพัตรา จิรนันทนาภรณ์ พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2536 Research and Thesis TS1413.ท9ส73 2536 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00024178 งานหัตถกรรมทอผ้า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนออกมาเป็นรูปธรรมอย่างมีกระบวนการ
โดยนัยสัมพันธ์กับการรวมกลุ่มทางสังคม ความผูกพันในครอบครัวและกลุ่มชาติพันธุ์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและจัดหมวดหมู่คำศัพท์ที่ใช้ในวัฒนธรรมการทอผ้าของไทยพวน เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่มรดก
สิ่งทอของชนกลุ่มไท และเพื่อศึกษาภาพสะท้อนชีวิต ประเพณี และความเชื่อจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ขอบเขตของการศึกษาเป็นการสำรวจพื้นที่ภาคสนาม ในหมู่บ้านไทยพวนบ้านป่าแดง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร และ ในหมู่บ้าน
ไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

ผลการศึกษาวิจัยได้วงคำศัพท์ที่ใช้ในการทอผ้าประมาณ 400 คำ โดยวงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้า จำแนกเป็น วงจรศัพท์สิ่งทอกับความเชื่อเรื่องประเพณี พิธีกรรม และศาสนา, วงจรศัพท์สิ่งทอกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน, วงจรศัพท์เทคนิคการทอ, วงจรศัพท์ลวดลายการทอ และวงจรศัพท์เครื่องมือและวัสดุการทอ
 
รายงานการวิจัยเรื่อง วงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้าของชนกลุ่มไทยพวน สุพัตรา จิรนันทนาภรณ์ พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2536 Research and Thesis TS1413.ท9ส73 2536 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00024178 งานหัตถกรรมทอผ้า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนออกมาเป็นรูปธรรมอย่างมีกระบวนการ
โดยนัยสัมพันธ์กับการรวมกลุ่มทางสังคม ความผูกพันในครอบครัวและกลุ่มชาติพันธุ์ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมและจัดหมวดหมู่คำศัพท์ที่ใช้ในวัฒนธรรมการทอผ้าของไทยพวน เพื่ออนุรักษ์ส่งเสริมและเผยแพร่มรดก
สิ่งทอของชนกลุ่มไท และเพื่อศึกษาภาพสะท้อนชีวิต ประเพณี และความเชื่อจากผลิตภัณฑ์สิ่งทอ ขอบเขตของการศึกษาเป็นการสำรวจพื้นที่ภาคสนาม ในหมู่บ้านไทยพวนบ้านป่าแดง อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร และ ในหมู่บ้าน
ไทยพวนบ้านหาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

ผลการศึกษาวิจัยได้วงคำศัพท์ที่ใช้ในการทอผ้าประมาณ 400 คำ โดยวงจรศัพท์ในวัฒนธรรมการทอผ้า จำแนกเป็น วงจรศัพท์สิ่งทอกับความเชื่อเรื่องประเพณี พิธีกรรม และศาสนา,  วงจรศัพท์สิ่งทอกับการแต่งกายในชีวิตประจำวัน, วงจรศัพท์เทคนิคการทอ, วงจรศัพท์ลวดลายการทอ และวงจรศัพท์เครื่องมือและวัสดุการทอ
 
เปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของพวน ตำบลหาดเสี้ยว สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ ศีลธรรม ศรีสุข. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2533 Research and Thesis DS570.พ5.ศ64 2533 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย
.สุโขทัย และเพื่อเปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย
.สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยวิธีการวิจัยทางคติชนวิทยา

ผลการศึกษาพบว่า ในบทสู่ขวัญของพวน 13 ประเภท ได้แก่ บทสู่ขวัญหลานน้อย นาคเณร นาคพระ ผู้สึกจากพระ-เณร ทหาร ทหารกลับถิ่น บ่าว-สาว ผู้เฒ่า บ้านใหม่ ผู้ป่วย ญาติผู้ตาย ข้าว และบทสู่ขวัญควาย มีค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด 12 ค่านิยมจาก 13 ค่านิยม ได้แก่ ค่านิยมเกี่ยวกับความกตัญญูรู้คุณ การเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ ความสันโดษ ความมั่งมีทรัพย์ หน้าที่ของสามีภรรยา การแต่งกายและอาภรณ์ การศึกษา การละเล่นบันเทิงใจ การรักษาเกียรติยศชื่อเสียง ผู้มีความรู้ และการใช้สติปัญญา ส่วนค่านิยมการเลือกคู่ครองไม่มีปรากฏในบทสู่ขวัญ และผลการเปรียบเทียบระหว่างค่านิยมที่พึงประสงค์กับค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้พบว่า ค่านิยมทั้งสองมีความหมายตรงกัน ได้แก่ ความสามัคคีกับความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ สำหรับค่านิยมที่ไม่ตรงกัน ได้แก่ ความมั่งมีทรัพย์ การแต่งกายและอาภรณ์ ผู้มีความรู้ การละเล่นบันเทิงใจ และความขยันหมั่นเพียร ส่วนค่านิยมที่นอกเหนือเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ การมีพลามัยที่ดี และค่านิยมที่ไม่ปรากฏในบทสู่ขวัญ ได้แก่ การพึ่งตนเอง ความรับผิดชอบ และการเลือกคู่ครอง


 
เปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของพวน ตำบลหาดเสี้ยว สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ ศีลธรรม ศรีสุข. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 2533 Research and Thesis DS570.พ5.ศ64 2533 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00045075 การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย
จ.สุโขทัย และเพื่อเปรียบเทียบค่านิยมที่ปรากฏในบทสู่ขวัญของชาวพวน ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย
จ.สุโขทัย กับค่านิยมที่พึงประสงค์ที่กำหนดโดยคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ  โดยวิธีการวิจัยทางคติชนวิทยา

ผลการศึกษาพบว่า ในบทสู่ขวัญของพวน 13 ประเภท ได้แก่ บทสู่ขวัญหลานน้อย นาคเณร นาคพระ ผู้สึกจากพระ-เณร ทหาร ทหารกลับถิ่น บ่าว-สาว ผู้เฒ่า บ้านใหม่ ผู้ป่วย ญาติผู้ตาย ข้าว และบทสู่ขวัญควาย มีค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด 12 ค่านิยมจาก 13 ค่านิยม ได้แก่ ค่านิยมเกี่ยวกับความกตัญญูรู้คุณ การเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ ความสันโดษ ความมั่งมีทรัพย์ หน้าที่ของสามีภรรยา การแต่งกายและอาภรณ์ การศึกษา การละเล่นบันเทิงใจ การรักษาเกียรติยศชื่อเสียง ผู้มีความรู้ และการใช้สติปัญญา ส่วนค่านิยมการเลือกคู่ครองไม่มีปรากฏในบทสู่ขวัญ และผลการเปรียบเทียบระหว่างค่านิยมที่พึงประสงค์กับค่านิยมตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้พบว่า ค่านิยมทั้งสองมีความหมายตรงกัน ได้แก่ ความสามัคคีกับความโอบอ้อมอารีและเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ สำหรับค่านิยมที่ไม่ตรงกัน ได้แก่ ความมั่งมีทรัพย์ การแต่งกายและอาภรณ์ ผู้มีความรู้ การละเล่นบันเทิงใจ และความขยันหมั่นเพียร ส่วนค่านิยมที่นอกเหนือเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ การมีพลามัยที่ดี และค่านิยมที่ไม่ปรากฏในบทสู่ขวัญ ได้แก่ การพึ่งตนเอง ความรับผิดชอบ และการเลือกคู่ครอง


 
รายงานผลการวิจัยเรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวลาวเวียงและลาวพวนใน อำเภอพนมสารคามและอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพ็ญศรี ดุ๊ก, นารี สาริกะภูติ [กรุงเทพฯ]: โครงการไทยศึกษา จุฬาฯ, 2529 Research and Thesis DS570.ล52พ72 2529 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038520 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของการอพยพของชาวลาวพวนและลาวเวียงในอำเภอ
พนมสารคามและสนามชัยเขต ในจังหวัดฉะเชิงเทราในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และศึกษาการตั้งถิ่นฐาน การปกครองการเสียภาษีตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนกลุ่มน้อยทั้ง 2 กลุ่ม โดยมีวิธีการวิจัยคือ
การสัมภาษณ์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากบุตรหลานของชาวพวนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ศึกษาข้อมูลจากจารึก ศึกษาข้อมูจากเอกสารจดหมายเหตุ และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ผลการวิจัยพบว่า ชาวลาวเวียงและลาวพวนในฉะเชิงเทราอพยพเข้ามาในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และถูกกวาดต้อนและเกลี้ยกล่อมเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์ ทางการได้กำหนดพื้นที่ให้อยู่ที่บ้านท่าทร่าน ต่อมาได้ยกบ้านท่าทร่านเป็นเมืองพนมสารคาม และยกบ้านพระงามเป็นเมืองสนามชัยเขต ชาวพวนที่อพยพเข้ามามีตั้งแต่เจ้านาย ครอบครัว ภิกษุสามเณร และสามัญชน
 
รายงานผลการวิจัยเรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของชาวลาวเวียงและลาวพวนใน อำเภอพนมสารคามและอำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา เพ็ญศรี ดุ๊ก, นารี สาริกะภูติ [กรุงเทพฯ]: โครงการไทยศึกษา จุฬาฯ, 2529 Research and Thesis DS570.ล52พ72 2529 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00038520 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของการอพยพของชาวลาวพวนและลาวเวียงในอำเภอ
พนมสารคามและสนามชัยเขต ในจังหวัดฉะเชิงเทราในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และศึกษาการตั้งถิ่นฐาน การปกครองการเสียภาษีตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนกลุ่มน้อยทั้ง 2 กลุ่ม  โดยมีวิธีการวิจัยคือ
การสัมภาษณ์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์จากบุตรหลานของชาวพวนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ศึกษาข้อมูลจากจารึก ศึกษาข้อมูจากเอกสารจดหมายเหตุ และเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

          ผลการวิจัยพบว่า ชาวลาวเวียงและลาวพวนในฉะเชิงเทราอพยพเข้ามาในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และถูกกวาดต้อนและเกลี้ยกล่อมเข้ามาในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทร์ ทางการได้กำหนดพื้นที่ให้อยู่ที่บ้านท่าทร่าน ต่อมาได้ยกบ้านท่าทร่านเป็นเมืองพนมสารคาม และยกบ้านพระงามเป็นเมืองสนามชัยเขต ชาวพวนที่อพยพเข้ามามีตั้งแต่เจ้านาย ครอบครัว ภิกษุสามเณร และสามัญชน

 
รายงานการศึกษาชุมชน ชาวพวน-หมู่บ้านโพธิ์ศรี ตำบลบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ: แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2521. Book: DS570.ท93 ธ44 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00000268 การศึกษานี้นับเป็นการศึกษาวัฒนธรรมลาวพวน ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประกอบ
การศึกษาวิจัยให้แก่นักศึกษาของแผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ปัญหา

วิธีการศึกษา และการวิจัยชุมชน ชาวพวนในหมูบ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีการปรับเปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่สังคมเมืองมากขึ้น แต่ความเชื่อทางศาสนาและไสยศาสตร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ในการศึกษานี้จะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ความเชื่ออำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยาม ดวงชะตา ไสยศาสตร์ และการรักษาโรค รวมทั้งได้ศึกษาประเพณีของลาวพวนบางส่วนเนื่องจากในปัจจุบันชาวพวนต้องติดต่อกับพ่อค้าในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า นำผลผลิตในหมู่บ้านไปขายยังตลาดในเมือง ทำให้ชาวพวนมีฐานะค่อนข้างดี เพราะชาวพวนจะทำธุรกิจทุกอย่างเองไม่ยอมให้คนแปลกหน้า เช่น ชาวจีน เข้ามามีบทบาทภายในหมู่บ้าน นอกจากนี้ชาวพวนได้รับค่านิยมด้านความร่ำรวยเข้ามาในวิถีชีวิต ดังจะเห็นได้จากการทำบุญของชาวพวนมักจะอธิษฐานขอความร่ำรวยเป็นอันดับแรก

 
รายงานการศึกษาชุมชน ชาวพวน-หมู่บ้านโพธิ์ศรี ตำบลบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพฯ: แผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2521 Book: DS570.ท93 ธ44 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00000268 การศึกษานี้นับเป็นการศึกษาวัฒนธรรมลาวพวน ในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อประกอบ
การศึกษาวิจัยให้แก่นักศึกษาของแผนกอิสระ
สังคมวิทยาและมานุษวิทยา เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ปัญหา
วิธีการศึกษา และการวิจัยชุมชน ชาวพวนในหมูบ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ที่มีการปรับเปลี่ยนจากสังคมชนบทสู่สังคมเมืองมากขึ้น แต่ความเชื่อทางศาสนาและไสยศาสตร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ในการศึกษานี้จะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ความเชื่ออำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์ยาม ดวงชะตา ไสยศาสตร์ และการรักษาโรค รวมทั้งได้ศึกษาประเพณีของลาวพวนบางส่วนเนื่องจากในปัจจุบันชาวพวนต้องติดต่อกับพ่อค้าในเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้า นำผลผลิตในหมู่บ้านไปขายยังตลาดในเมือง ทำให้ชาวพวนมีฐานะค่อนข้างดี เพราะชาวพวนจะทำธุรกิจทุกอย่างเองไม่ยอมให้คนแปลกหน้า เช่น ชาวจีน เข้ามามีบทบาทภายในหมู่บ้าน นอกจากนี้ชาวพวนได้รับค่านิยมด้านความร่ำรวยเข้ามาในวิถีชีวิต ดังจะเห็นได้จากการทำบุญของชาวพวนมักจะอธิษฐานขอความร่ำรวยเป็นอันดับแรก

 
การศึกษาความเชื่อถือของชาวพวนกับการพัฒนาชุมชนที่หมู่บ้านเชียงงา ต.เชียงงา อ.บ้านหมี่ จ. ลพบุรี พหลยุทธ รุณภัย. [กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์], 2515 Research and Thesis DS570.พ5พ54 2515. http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037172 ารวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความเชื่อถือของชาวพวนแล้วนำผลของการศึกามาวิเคราะห์แนวคิดของการพัฒนาชุมชนว่าจะเกิดผลอย่างไร เพื่อศึกษาถึงพื้นฐานในทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวพวนนั้นว่าเป็นอย่างไร
และเพื่อศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมชาวพวนภายหลังที่ได้เคลื่อนย้ายมาอยู่ที่บ้านหมี่ว่ามีแนวโน้มไปใน
ทางใดบ้าง โดยแนวทางในการศึกษาความเชื่อถือของชาวพวน คือความเชื่อถือและพฤติกรรมด้านศาสนาและประเพณี
ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือต่างๆของหมู่บ้านเชียงงา

ผลการวิจัยแบ่งเป็น 1) ความเชื่อถือที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อถือในทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ความเชื่อถือเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือด้าน
ไสยศาสตร์ 2) ความเชื่อถือที่ส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับการไปทำบุญที่วัด ความเชื่อถือในเรื่อง
คำสอนในพุทธศาสนา ความเชื่อถือในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อถือในเรื่องศักดิ์ศรีของชาย-หญิง และจากสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน พบว่าชาวพวนนิยมให้ลูกหลานได้รับการศึกษามากขึ้นกว่าแต่เดิม เมื่อได้รับการศึกษาสูงขึ้นจะได้ทำอาชีพทางราชการ ทั้งนี้เพราะชาวบ้านเชื่อว่าการรับราชการนั้นดีกว่าการทำนา ส่งผลให้ชาวบ้านมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายออกไปยังพื้นที่อื่นอีกครั้ง

 
การศึกษาความเชื่อถือของชาวพวนกับการพัฒนาชุมชนที่หมู่บ้านเชียงงา ต.เชียงงา อ.บ้านหมี่ จ. ลพบุรี พหลยุทธ รุณภัย. [กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์], 2515 Research and Thesis DS570.พ5พ54 2515. http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00037172 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงความเชื่อถือของชาวพวนแล้วนำผลของการศึกามาวิเคราะห์แนวคิดของการพัฒนาชุมชนว่าจะเกิดผลอย่างไร เพื่อศึกษาถึงพื้นฐานในทางเศรษฐกิจและสังคมของชาวพวนนั้นว่าเป็นอย่างไร
และเพื่อศึกษาถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของสังคมชาวพวนภายหลังที่ได้เคลื่อนย้ายมาอยู่ที่บ้านหมี่ว่ามีแนวโน้มไปใน
ทางใดบ้าง โดยแนวทางในการศึกษาความเชื่อถือของชาวพวน คือความเชื่อถือและพฤติกรรมด้านศาสนาและประเพณี
ด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือต่างๆของหมู่บ้านเชียงงา

                   ผลการวิจัยแบ่งเป็น 1) ความเชื่อถือที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อถือในทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ความเชื่อถือเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในครอบครัว และความเชื่อถือด้าน
ไสยศาสตร์ 2) ความเชื่อถือที่ส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ได้แก่ ความเชื่อถือเกี่ยวกับการไปทำบุญที่วัด ความเชื่อถือในเรื่อง
คำสอนในพุทธศาสนา ความเชื่อถือในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อถือในเรื่องศักดิ์ศรีของชาย-หญิง และจากสภาพเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน พบว่าชาวพวนนิยมให้ลูกหลานได้รับการศึกษามากขึ้นกว่าแต่เดิม เมื่อได้รับการศึกษาสูงขึ้นจะได้ทำอาชีพทางราชการ ทั้งนี้เพราะชาวบ้านเชื่อว่าการรับราชการนั้นดีกว่าการทำนา ส่งผลให้ชาวบ้านมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายออกไปยังพื้นที่อื่นอีกครั้ง

 
Lao-Tai textiles : the textiles of Xam Nuea and Muang Phuan Patricia Cheesman. Bangkok : Amarin Press, 2004 Book: NK8878.6.L3C44 2004 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00066764 จากการศึกษาเรื่องผ้าของผู้เขียนซึ่งมุ่งศึกษาแง่ประวัติศาสตร์ของผ้าและศิลปะการทอผ้าของชาวลาว-ไท กลุ่มชนผู้ใช้ภาษาตระกูลไท-กะได โดยมุ่งเน้นในการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณและเครื่องนุ่งห่มของเมืองซำเหนือและเมืองพวน ซึ่งเป็นหัวเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญในอดีต ปัจจุบันคือบริเวณจังหวัดหัวพันและเชียงขวางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนต้นของหนังสือเริ่มด้วยข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเมืองซำเหนือและเมืองพวน รวมไปถึงมุมมองทางด้านวัฒนธรรมของกลุ่มชนเหล่านี้ จากนั้นจึงเป็นการการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณโดยศึกษาทั้งรูปแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่กลุ่มชนพื้นเมืองในพื้นที่นั้น อันประกอบไปด้วย ชาวไทแดง ไทลื้อ ไทเหนือ ไทดำ และอื่นๆ ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปจำแนกเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิง เสื้อผ้าที่ใช้สำหรับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ เทคนิคการย้อมสีและทอผ้า แม่ลายและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของลายผ้าที่ใช้
 
Lao-Tai textiles : the textiles of Xam Nuea and Muang Phuan Patricia Cheesman. Bangkok : Amarin Press, 2004 Book: NK8878.6.L3C44 2004 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00066764 จากการศึกษาเรื่องผ้าของผู้เขียนซึ่งมุ่งศึกษาแง่ประวัติศาสตร์ของผ้าและศิลปะการทอผ้าของชาวลาว-ไท กลุ่มชนผู้ใช้ภาษาตระกูลไท-กะได  โดยมุ่งเน้นในการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณและเครื่องนุ่งห่มของเมืองซำเหนือและเมืองพวน ซึ่งเป็นหัวเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญในอดีต ปัจจุบันคือบริเวณจังหวัดหัวพันและเชียงขวางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ส่วนต้นของหนังสือเริ่มด้วยข้อมูลทางด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเมืองซำเหนือและเมืองพวน รวมไปถึงมุมมองทางด้านวัฒนธรรมของกลุ่มชนเหล่านี้ จากนั้นจึงเป็นการการระบุและแยกแยะรูปแบบของแพรพรรณโดยศึกษาทั้งรูปแบบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่กลุ่มชนพื้นเมืองในพื้นที่นั้น อันประกอบไปด้วย ชาวไทแดง  ไทลื้อ  ไทเหนือ ไทดำ และอื่นๆ ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปจำแนกเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิง เสื้อผ้าที่ใช้สำหรับพิธีกรรมความเชื่อต่างๆ เทคนิคการย้อมสีและทอผ้า แม่ลายและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของลายผ้าที่ใช้
 
Travels in upper Laos and Siam : with an account of the Chinese Haw invasion and Puan resistance P. Neis ; translation and introduction by Walter E. J. Tips. Bangkok: White lotus press, 1997 Book: DS555.36.N45 1997 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016338 รายงานการเดินทางสำรวจลาวเหนือ และชายแดนระหว่างพม่าภายใต้การปกครองของจีน เวียดนามและไทย ของนายแพทย์ P. Neis ในปีค.. 1882 ภายใต้การอนุเคราะห์ของกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส เพื่อศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทางการค้าที่เป็นไปได้ ในการเดินทางนี้นายแพทย์ P. Neis ได้พบชาวพวนที่อพยพหนีการรุกรานจากโจรจีนฮ่อลงมาจากเมืองพวน จากนั้นนายแพทย์ P. Neis
จึงหาทางกลับมายังหลวงพระบางอีกครั้ง และเดินทางจากหลวงพระบางลงไปยังแถบลุ่มแม่น้ำอูเรื่อยลงไปยัง
เชียงของ เชียงฮาย เชียงใหม่ จนถึงบางกอก การเดินทางนี้ยาวนานทั้งสิ้น 19 เดือน

 
Travels in upper Laos and Siam : with an account of the Chinese Haw invasion and Puan resistance P. Neis ; translation and introduction by Walter E. J. Tips Bangkok: White lotus press, 1997 Book: DS555.36.N45 1997 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00016338 รายงานการเดินทางสำรวจลาวเหนือ และชายแดนระหว่างพม่าภายใต้การปกครองของจีน เวียดนามและไทย ของนายแพทย์ P. Neis ในปีค.ศ. 1882 ภายใต้การอนุเคราะห์ของกระทรวงศึกษาธิการฝรั่งเศส เพื่อศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทางการค้าที่เป็นไปได้ ในการเดินทางนี้นายแพทย์ P. Neis ได้พบชาวพวนที่อพยพหนีการรุกรานจากโจรจีนฮ่อลงมาจากเมืองพวน จากนั้นนายแพทย์ P. Neis
จึงหาทางกลับมายังหลวงพระบางอีกครั้ง และเดินทางจากหลวงพระบางลงไปยังแถบลุ่มแม่น้ำอูเรื่อยลงไปยัง
เชียงของ เชียงฮาย เชียงใหม่ จนถึงบางกอก การเดินทางนี้ยาวนานทั้งสิ้น 19 เดือน

 
A culture in search of survival : the Phuan of Thailand and Laos Snit Smuckarn, Kennon Breazeale. Connecticut, USA : Yale University Southeast Asia Studies, 1997 Book: DS570.P52S68 1988 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00019213 หนังสือประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองพวน เจาะลึกด้านการเมืองการปกครองที่มีส่วนเกี่ยวพันถึงการอพยพประชากรและตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวพวนในส่วนต่าง ๆ ของประเทศประเทศไทย อันได้แก่ การตั้งถิ่นฐานของชาวพวน สงครามและการกลับมาปกครองเมืองพวนอีกครั้งของผู้ครองนครพวน นโยบายของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนการปรับตัวของชาวพวนเมื่อเข้าสู่สังคมไทย วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวพวนที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ไปจนถึงเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงห้าชั่วอายุคนตั้งแต่ชาวพวนเริ่มอพยพเข้าสู่ไทย โดยการเก็บข้อมูลนั้นมีขึ้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ในช่วงต้นทศวรรษ 1970
 
A culture in search of survival : the Phuan of Thailand and Laos Snit Smuckarn, Kennon Breazeale Connecticut, USA : Yale University Southeast Asia Studies, 1997 Book: DS570.P52S68 1988 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00019213 หนังสือประกอบด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองพวน  เจาะลึกด้านการเมืองการปกครองที่มีส่วนเกี่ยวพันถึงการอพยพประชากรและตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวพวนในส่วนต่าง ๆ ของประเทศประเทศไทย อันได้แก่ การตั้งถิ่นฐานของชาวพวน  สงครามและการกลับมาปกครองเมืองพวนอีกครั้งของผู้ครองนครพวน นโยบายของไทยที่มีต่อเมืองพวนและชาวพวนการปรับตัวของชาวพวนเมื่อเข้าสู่สังคมไทย วัฒนธรรม ความเชื่อของชาวพวนที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ไปจนถึงเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงห้าชั่วอายุคนตั้งแต่ชาวพวนเริ่มอพยพเข้าสู่ไทย โดยการเก็บข้อมูลนั้นมีขึ้นที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ในช่วงต้นทศวรรษ 1970
 
Discourse structure in Phuan Chaluay Boonprasert. Faculty of Graduate Studies: Mahidol University, 1982 Research and Thesis PL4195.P58C53 1982 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046427

การศึกษาภาษาระดับข้อความและโครงสร้างกลุ่มประโยคในภาษาพวน อันเป็นภาษาที่มีการใช้ในเวียงจันท์และหลวงพระบางในประเทศลาว รวมไปถึงกระจายตัวในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยภาษาพวนในการศึกษานี้เป็นภาษาพวนที่มีการใช้กันในหมู่บ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อหาแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนบทนำเกี่ยวกับภาษาพวน ความเป็นมา ของชาวพวนและการออกเสียง ส่วนโครงสร้างกลุ่มประโยค และส่วนโครงสร้างข้อความ

Discourse structure in Phuan Chaluay Boonprasert. Faculty of Graduate Studies: Mahidol University, 1982 Research and Thesis PL4195.P58C53 1982 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00046427 การศึกษาภาษาระดับข้อความและโครงสร้างกลุ่มประโยคในภาษาพวน  อันเป็นภาษาที่มีการใช้ในเวียงจันท์และหลวงพระบางในประเทศลาว รวมไปถึงกระจายตัวในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยภาษาพวนในการศึกษานี้เป็นภาษาพวนที่มีการใช้กันในหมู่บ้านโพธิ์ศรี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อหาแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนบทนำเกี่ยวกับภาษาพวน ความเป็นมา ของชาวพวนและการออกเสียง  ส่วนโครงสร้างกลุ่มประโยค และส่วนโครงสร้างข้อความ
 
Peasantry and modernization : a study of the Phuan in central Thailand Snit Smuckarn. Graduate Division: University of Hawah, 1972 Research and Thesis DS570.P5 S65 1972 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00041099 การศึกษาเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวพวนในภาคกลางของประเทศไทย เป็นการมุ่งเน้นการศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจซึ่งสัมพันธ์กับกระบวนการปรับตัวของชนกลุ่มน้อยให้เข้ากับกระแสหลักของสังคมที่ใหญ่กว่า โดยศึกษาจากหมู่บ้านชาวพวนสองหมู่บ้านคือ บางกะพี้และบ้านเซ่า ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ด้วยการเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ และ Life History Collection ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2513 ถึง เดือนเมษายน 2514
 
Peasantry and modernization : a study of the Phuan in central Thailand Snit Smuckarn. Graduate Division: University of Hawah, 1972 Research and Thesis DS570.P5 S65 1972 http://lib.sac.or.th/Catalog/BibItem.aspx?BibID=b00041099 การศึกษาเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวพวนในภาคกลางของประเทศไทย เป็นการมุ่งเน้นการศึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจซึ่งสัมพันธ์กับกระบวนการปรับตัวของชนกลุ่มน้อยให้เข้ากับกระแสหลักของสังคมที่ใหญ่กว่า โดยศึกษาจากหมู่บ้านชาวพวนสองหมู่บ้านคือ บางกะพี้และบ้านเซ่า ในอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ด้วยการเก็บข้อมูลจากการสังเกตแบบมีส่วนร่วม สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ และ Life History Collection ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2513 ถึง เดือนเมษายน 2514