เผยแพร่ 25 ส.ค. 2563
Ethnonyms : Mlabri Autonyms : Mlabri, Mrabir, Yumbri Exonyms : Phi Tong Luang, Kha Tong Luang, Kaa Paa, Ma Goo, Jan Gaim, Tong Luang Spoken and Written Language : Austro-Asiatic languages, Mon-Khmer branch, Khmuic subgroup Historical Aspect : Name calling for Mlabri Ethnic Group consists of both the name used to call themselves and the name used by outsiders which also indicate the differences among Mlabri people. According to the work of Bernatzik (1951), an Austrian anthropologist who surveyed the forest around the Thai-Laos border in 1930s in which he recorded the name ‘Yumbri’, meaning people who live in the woods, as a self-calling name. Many decades later after Bernatzik’s work, the survey team of Kraisri Nimmanahaeminda and Hartland-Swann had surveyed the villages between Phrae and Nan provinces, and discovered that these people called themselves ‘Khon Pa’. Nobody in this survey group called themselves ‘Yumbri’. According to the work of Kraisri Nimmanahaeminda, there was a dispute from Theraphan Luangthongkum, a linguist who visited and studied the language of Mlabri living in Wiang Sa District, Nan province. He discovered that the group of Mlabri he was studying had the language from the same group that Kraisri Nimmanahaeminda had studied. The word ‘Mlabri’ can be broken down into two words which are: ‘Mla’ which means people, and ‘Bri’ which means forest. Therapan suggested they should use ‘Mlabri’ instead of ‘Mrabir’ when written in English. As for the word /məlabri/, it is the new self-calling word. Even though the meaning is not different from the name /məlɑbrɪ/ which means people who live in the woods, the origin of this word came from Phufa Development Center in Nan. People who participated in the creation of this word were Mlabri juveniles who were in the Creating Mlabri Letters with Thai Alphabet Project (supported by Bureau of Academic Affairs and Educational Standards). Furthermore, the name that had been called by outsiders such as ‘Phi Tong Luang’ was the most well-known name. This name has been used for a long time among Siamese, especially among those who used the Tai Language Family in Thai and Laos. The origin of this name was from when Northern Thai villagers noticed that this ethnic group’s shacks were made from banana leaves or a kind of rattan leaves. Once the thatched roof turned yellow, the group would migrated to somewhere else, and if they met any villagers or other ethnic group whom they did not trust, they will escape immediately. Therefore, they were called ‘Phi Tong Luang’ (yellow leaf ghost). (Surin Phukajon, et al, 1988:32) ‘Ma Goo’ is the word used in calling Mlabri by Hmong people which means people who live in the forest. Hmong classifies Mlabri to be in the same group as Khamu. As for the word ‘Jan Gaim’, it is the word used in calling Mlabri by Mien people in which, other than the meaning ‘people who live in the forest’, it also means intractable person.
เรียงลำดับข้อมูลจากใหม่ไปเก่า | เรียงลำดับข้อมูลจากเก่าไปใหม่
Author
สารคดี
Imprint
กรุงเทพฯ : สารคดี, [254?]
Collection
SAC library- Books (7th floor) - D843.ส64
Url ห้องสมุด ศมส.
Annotation
มลาบรี หรือเป็นที่เข้าใจกันผิดว่าชื่อ ผีตองเหลืองนั้น เป็นอิสระชนที่ในปัจจุบันมีจำนวน 180 คน โดยอยู่กระจัดกระจายกันเป็น 3-4 กลุ่ม ในเขตอำเภอเวียงสา กิ่งอำเภอเมืองหลวง จังหวัดน่าน และอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เชื่อกันว่าเป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากประเทศลาว มีลักษณะทั่วไปและภาษาใกล้เคียงกับชาวเขมร ขมุหรือลั๊วะ เดิมพวกเขาจะนุ่งผ้าเตี่ยวหรือไม่ใส่เสื้อผ้า พวกเขาจะย้ายที่อยู่อาศัยไปเรื่อยๆและสร้างบ้านอย่างง่ายจากวัสดุที่หาได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป พวกเขามีความสามารถในการหาหัวเผือกและกลอยอาหารเหล่านี้จึงเป็นอาหารของพวกเขา ต่อมาพวกเขาได้รับจ้างทำไร่เพื่อแลกกับที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม อีกทั้งวิถีชีวิตของพวกเขานั้นอยู่กันอย่างเรียบง่ายทั้งการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ไม่ต้องจัดพิธีให้ยุ่งยาก การรักษาอาการเจ็บป่วยจากสมุนไพรที่หาได้ตามธรรมชาติเมื่อมีคนตายก็เพียงขุดหลุมฝังแบบธรรมดาๆ แต่เคร่งครัดอย่างมากในการปฏิบัติตัวของผู้หญิงและต่อผู้หญิง รวมไปถึงการนับถือผีที่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ และเซ่นผีที่พวกเขานับถืออย่างเคร่งครัด ในปัจจุบันวิถีชีวิตของพวกเขาต้องปรับเปลี่ยนไป เช่น สร้างบ้านพักพิงอย่างถาวร หรือยอมรับสภาพการเป็นลูกจ้างอย่างเคยชิน
อ่านต่อ...Title
Author
สุรินทร์ ภู่ขจร ภัทรวดี กุลแก้ว, ชนัญ วงษ์วิภาค
Imprint
[ม.ป.ท., ม.ป.พ.], [252-?]
Collection
SAC Library--Books (7th floor)--DS570.ผ6ส75
Url ห้องสมุด ศมส.
Annotation
ผีตองเหลือง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ตามภาคเหนือของประเทศไทย มีชื่อเรียกต่างๆ เช่น ข่าตองเหลือง ยุมบรี มราบรี และมลาบรี ภายในกลุ่มมักจะเรียกแทนตัวเองด้วยคำว่า มลาบรี ที่แปล่า คนป่า ใช้ภาษาม้งหรือแม้วในการติดต่อสื่อสารระหว่างชนเผ่า มีลักษณะเฉพาะ การแต่งกายมักใช้ใบไม้และเปลือกไม้มาปกปิดร่างกาย คำว่า ผีตองเหลือง เป็นคำเรียกกลุ่มชาติพันธุ์นี้โดยบุคคลนอกที่ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยไปในที่อาหารเพียงพอสำหรับกลุ่มและมักจะเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยในช่วงเวลาเช้า การสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะที่เรียบง่าย ระบบเศรษฐกิจของกลุ่มผีตองเหลืองมักจะเป็นไปในลักษณะการหาของป่าล่าสัตว์ ความรู้ในการนำพืชพันธุ์ไม้ป่ามาใช้เป็นยารักษาโรค กล่าวถึงสังคมที่เป็นไปในลักษณะเครือญาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อ อันได้แก่ การเกิด การตั้งชื่อ การแต่งงาน การหย่าร้าง และการตาย รวมไปถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับจากสังคมภายนอกที่กลุ่มผีตองเหลืองจำต้องปรับเปลี่ยนมีการติดต่อกับคนภายนอกมาขึ้น
อ่านต่อ...Title
Author
ศักรินทร์ ณ น่าน.
Imprint
น่าน : ศูนย์การเรียนรู้โจ้โก้ในเครือข่ายมูลนิธิฮักเมืองน่าน จ.น่าน, [ม.ป.ป.].
Collection
Sac Library - Pamphlet (Contact Counter Service 8th floor) - จุลสาร 00557
Url ห้องสมุด ศมส.
Annotation
นับตั้งแต่อดีตสังคมมลาบรีนั้นไม่ได้ตัดขาดจากสังคมอื่นๆ มีความสัมพันธ์กลุ่มคนอื่นๆเรื่อยมา ยิ่งภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตผ่านความสัมพันธ์เชิงอำนาจต่อสังคมเกษตรกรรม รัฐ ระบบทุนนิยมและโลกาภิวัฒน์ ผู้เขียนได้ศึกษาผ่าชุมชนมลาบรี ในเขตบ้านห้วยหยวก ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ซึ่งจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจดังกล่าวก่อให้กลุ่มคนมลาบรีประสบกับภาวะชายขอบของสังคม ภายในพื้นที่ปิดล้อมของการพัฒนา ทั้งการปิดล้อมเชิงกายภาพ ซึ่งเป็นการกีดกันการเขาถึงทรัพยากรธรรมชาติ อย่างป่าไม้และที่ดินทำกิน และการปิดล้อมเชิงสัญลักษณ์ที่ถูกควบคุมอัตลักษณ์ทางสังคม อย่างการถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามกลุ่มคนมลาบรีนั้นมีการต่อสู้ดิ้นรนและต่อรองกับสถานการณ์เช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของสังคมผู้เก็บของป่าล่าสัตว์ในปัจจุบัน
อ่านต่อ...Author
Wisut Sriwisarn
Imprint
[12], 197, 7 แผ่น : ภาพประกอบ, แผนภูมิ
Collection
SAC Library-Research and Thesis-DS570.ผ6ว65
Url ห้องสมุด ศมส.
Url อื่นๆ
https://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/research_detail.php?id=1039
Annotation
งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศวิทยา นโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตในสังคมชนเผ่ามลาบรี ณ บ้านบ่อหอย ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน และ บ้านบุญยืน ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ โดยอาศัยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงวัฒนธรรมด้านต่างๆ ของชนเผ่ามลาบรี ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ระบบครัวเรือน การเมืองการปกครอง การจัดการกับสิ่งแวดล้อม ความเชื่อและศาสนา
ผลการวิจัยพบว่าปัจจัยที่มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของผีตองเหลืองมี คือจำนวนป่าไม้ที่ลดลงมีผลต่อระบบเศรษฐกิจของผีตองเหลือง เพราะถ้าป่าไม้ลดลง วิถีชีวิตของผีตองเหลืองจะเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ดินที่จำกัดก็มีผล กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของผีตองเหลือง เพราะที่ดินที่สมบูรณ์จะทำให้ผีตองเหลืองมีอาหารอุดมสมบูรณ์ตลอดไป ขณะเดียวกันทรัพยากรธรรมชาติที่ลดน้อยลงมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของผีตองเหลือง เพราะผีตองเหลืองอาศัยทรัพยากรธรรมชาติเป็นแหล่งอาหาร การติดต่อวัฒนธรรมระหว่างผีตองเหลือง และม้งก็มีส่วนทำให้ระบบเศรษฐกิจของผีตองเหลืองเปลี่ยนแปลง เพราะมีการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากการค้าเงียบไปเป็นระบบเศรษฐกิจแบบขายแรงงาน ส่วนการรับกระแสวัฒนธรรมเมือง พบว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องเครื่องแต่งกายของผีตองเหลืองเห็นได้ชัดที่สุด
Author
สุวิไล เปรมศรีรัตน์
Imprint
[ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2537?]
Collection
Books DS589.น9ส75
Url ห้องสมุด ศมส.
Annotation
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงผลของการศึกษา และสำรวจด้านภาษาศาสตร์ของชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่ในจังหวัดน่าน 3 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มขมุ กลิ่นถิ่นหรือลัวะ และกลุ่มมลาบรี หรือผีตองเหลือง ซึ่งเป็นภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก (Austro-Asiatic language) กลุ่มมอญ-เขมร ทำให้เข้าใจภาษาศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีความเหมือนและเหลื่อมซ้อนกัน และเป็นแนวทางไปสู่ทางออกของปัญหาการเรียกชื่อที่ยังมีความสับสนอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งอาจมีชื่อเรียกหลายชื่อ หรือชื่อหนึ่งอาจเป็นชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งกลุ่มซึ่งเป็นเหตุให้ผู้คนภายนอกเกิดความสับสนและความเข้าใจกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสามกลุ่มปะปนกันอาทิ ปัญหาการเรียกชื่อกลุ่มถิ่น หรือลัวะ มีชื่อเรียกที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละชื่อมาจากเหตุและผลที่ต่างกัน เช่น ชื่อพื้นบ้าน คือ ชื่อที่กลุ่มนี้เรียกตนเอง ชื่อพื้นเมือง คือ ชื่อที่ชาวน่านใช้เรียกกลุ่มชนนี้ และชื่อราชการ คือ
ชื่อที่ทางราชการใช้เรียกกลุ่มชนนี้
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre Library
20 Baromaratchachonnani Rd, Taling Chan, Bangkok 10170
Tel. +662-880-9429 Ext. 3702 - 4 Fax. +662-434-6254 E-mail. library@sac.or.th
![]() |
![]() |
SAC Library (8th Floor)
Mon-Fri : 8:30 am – 4:30 pm
Saturday: 9:00 am – 4:00 pm
SukKaiChai Library
Mon-Fri : 8:00 am – 18:00 pm
Saturday: 8:00 am – 17:00 pm
The library will be closed on public holidays and on the dates announced by the government.